ไม่ทันสิ้นควันหลงเอเปค ‘ปี่กลองการเมือง’ ดังทันควัน ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เลิกเหนียมยอมรับ “พิจารณาอยู่” เล็งสมัครสมาชิกรังใหม่ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ แม้ข่าวสะพัด ‘บิ๊กตู่’ จะเปิดหน้าร่วมทัพ 21พ.ย.ที่ผ่านมา ถือฤกษ์ ‘เลขถูกโฉลก’ ของ ‘บิ๊กตู่’ คือ ‘เลข 21’ เพราะเกิด 21มี.ค.2497 และเป็นทหารเสือฯ ร.21 รอ. ซึ่งที่ผ่านมา ‘บิ๊กตู่’ ก็ไม่เคย ‘ปิดประตูตัวเอง’ ทิ้ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ไปสร้างรังใหม่ เป็น ‘ดาวคนละดวง’ กับ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทั้งนี้ต้องจับตาว่า ‘บิ๊กตู่’ จะเข้าไป รทสช. เต็มตัวหรือไม่ ในฐานะ ‘ที่ปรึกษาพรรค’ หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ กก.บห.พรรค เพื่อไม่เอาตัวเองไป ‘ผูกมัด’ กับพรรคเกินไป หรือจะยึดแนวทางปี 62 ที่ ‘บิ๊กตู่’ ก็ไม่ได้ไปร่วมทัพ พปชร. ในตำแหน่งใดๆ ไม่เป็นสมาชิกพรรค แต่ให้ ‘สี่กุมาร’ ในยุคนั้น ‘อุตตม สาวนายน’ อดีตหัวหน้า พปชร. ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ อดีตเลขาธิการ พปชร. ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เทียบเชิญมาเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ โดยให้คนอื่น ‘สร้างนั่งร้าน’ แทน ผ่านภาพของ ‘สี่กุมาร’ ส่วน ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ อยู่หลังม่านแทน
แต่สุดท้ายพรรคที่ตั้งขึ้นมา ‘เฉพาะกิจ-เร่งด่วน’ ที่ระดมคน ‘หลายก๊ก-หลากมุ้ง’ จึงมีความขัดแย้งภายในสูง เฉกเช่นยุคพรรคไทยรักไทย ที่ก็มี ‘ก๊กหลายลุ่มน้ำ’ ภายใน ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องเปิดหน้า ‘ปฏิบัติการยึดพรรคคืน’ จากก๊กสี่กุมารขึ้นมาเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ เอง หากส่องชิ่อแกนนำ-ส.ส. พปชร. ล้วนเป็น ‘ศิษย์เก่าไทยรักไทย-เพื่อไทย’ ทั้งนั้น
แต่ความไม่ชัดเจนของ ‘บิ๊กตู่’ ก็ทำให้บรรดา ‘ลูกพรรค-แกนนำ’ พปชร. หลายก๊กแทงกั๊ก ไม่ตัดสินใจผ่านสาธารณะ จะไปกับ ‘ป.ไหน’ กันแน่ แต่งานนี้ไม่ยากจะอ่านเกม เพราะจุดชี้ชะตาอยู่ที่ ‘ผู้กอง’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หากรีเทิร์น พปชร. ก็ทำให้ ‘คู่อริเก่า’ ต้องย้ายตาม ‘บิ๊กตู่’ ไป รทสช. ด้วย กลายเป็น ‘สงคราม’ ที่ไม่มีวันจบ ระหว่าง ‘บ้านป่ารอยต่อ’ กับ ‘ทีมตึกไทยคู่ฟ้า’ แต่ในศึกนี้ก็มี ‘สายไหล’ ที่พร้อมไปกับทั้ง 2 ขั้ว ที่อยู่ระหว่าง ‘ดูทางลม’ และเพื่อ ‘ต่อรอง’ ทางการเมือง ที่อยู่ได้กับทั้ง ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ รวมทั้งก๊กที่ออกจากขั้วอำนาจ ‘3ป.’ ไปอยู่พรรคอื่นแทน
ทั้งนี้ฝั่ง ‘2ป.’ ได้ให้ ‘ทีมฝ่าย เสธ.’ และแกนนำในสาย ไล่โทรเช็ค ส.ส. พปชร. จะไปอยู่กับใคร เพื่อคำนวณเก้าอี้ ส.ส. ของแต่ละฝั่ง ซึ่งสิ่งที่จะเกิดในอนาคตคือ พปชร. กับ รทสช. จะกลายเป็น ‘พรรคขนาดกลาง’ อีกทั้งต้องจับตา กม.เลือกตั้ง ส.ส. ว่าสุดท้ายแล้ว จะกลับไปสูตรหาร 500 หรือไม่ หลัง ‘2ป.’ เดินเกม ‘แตกพรรค’ เช่นเดียวกับ ‘โมเดลแตกแบงค์’ ของพรรคเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 62 ที่วางเกม ‘สลับฟันปลา’ ในการส่งผู้สมัคร ส.ส. ในแต่ละพื้นที่ โดยไม่ส่งทับพื้นที่กันเอง จึงต้องจับตาว่า ‘2ป.’ จะเดินเกมตามหรือไม่
ก้าวย่างของ ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ ภายใต้เกม ‘พยัคฆ์พันหน้า’ เล่นกันหลายบท แม้จะดู ‘ทางใคร ทางมัน’ แต่ใน ‘ยุทธวิธีรบทหาร’ ยังมี ‘สงครามจิตวิทยา’ ที่สร้างสภาวะแวดล้อมขึ้นมา กำหนดทิศทาง ให้เป็นไปตามเกมที่วางไว้ เพื่อทำการ ‘กระชับอำนาจ’ และ ‘จัดระเบียบกันเอง’ โดยมีเป้าหมาย ‘ต่อลมหายใจ’ ให้กับ ‘ระบอบ 3ป.’ ที่ยังไม่คิด ‘ลงหลังเสือ-สละอำนาจ’ เพราะยัง ‘ถือไพ่’ เหนืออยู่ ไม่ต้องรีบจน ‘ผลีผลาม’ ทำให้ ‘บิ๊กตู่’ พูดเป็นนัยตัดสินใจการเมือง “หลังเอเปคก็ปีหน้าโน้นแหละ” !!
ทั้งนี้ต้องจับตาว่า ‘บิ๊กตู่’ จะเข้าไป รทสช. เต็มตัวหรือไม่ ในฐานะ ‘ที่ปรึกษาพรรค’ หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ กก.บห.พรรค เพื่อไม่เอาตัวเองไป ‘ผูกมัด’ กับพรรคเกินไป หรือจะยึดแนวทางปี 62 ที่ ‘บิ๊กตู่’ ก็ไม่ได้ไปร่วมทัพ พปชร. ในตำแหน่งใดๆ ไม่เป็นสมาชิกพรรค แต่ให้ ‘สี่กุมาร’ ในยุคนั้น ‘อุตตม สาวนายน’ อดีตหัวหน้า พปชร. ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ อดีตเลขาธิการ พปชร. ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เทียบเชิญมาเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ โดยให้คนอื่น ‘สร้างนั่งร้าน’ แทน ผ่านภาพของ ‘สี่กุมาร’ ส่วน ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ อยู่หลังม่านแทน
แต่สุดท้ายพรรคที่ตั้งขึ้นมา ‘เฉพาะกิจ-เร่งด่วน’ ที่ระดมคน ‘หลายก๊ก-หลากมุ้ง’ จึงมีความขัดแย้งภายในสูง เฉกเช่นยุคพรรคไทยรักไทย ที่ก็มี ‘ก๊กหลายลุ่มน้ำ’ ภายใน ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องเปิดหน้า ‘ปฏิบัติการยึดพรรคคืน’ จากก๊กสี่กุมารขึ้นมาเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ เอง หากส่องชิ่อแกนนำ-ส.ส. พปชร. ล้วนเป็น ‘ศิษย์เก่าไทยรักไทย-เพื่อไทย’ ทั้งนั้น
แต่ความไม่ชัดเจนของ ‘บิ๊กตู่’ ก็ทำให้บรรดา ‘ลูกพรรค-แกนนำ’ พปชร. หลายก๊กแทงกั๊ก ไม่ตัดสินใจผ่านสาธารณะ จะไปกับ ‘ป.ไหน’ กันแน่ แต่งานนี้ไม่ยากจะอ่านเกม เพราะจุดชี้ชะตาอยู่ที่ ‘ผู้กอง’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หากรีเทิร์น พปชร. ก็ทำให้ ‘คู่อริเก่า’ ต้องย้ายตาม ‘บิ๊กตู่’ ไป รทสช. ด้วย กลายเป็น ‘สงคราม’ ที่ไม่มีวันจบ ระหว่าง ‘บ้านป่ารอยต่อ’ กับ ‘ทีมตึกไทยคู่ฟ้า’ แต่ในศึกนี้ก็มี ‘สายไหล’ ที่พร้อมไปกับทั้ง 2 ขั้ว ที่อยู่ระหว่าง ‘ดูทางลม’ และเพื่อ ‘ต่อรอง’ ทางการเมือง ที่อยู่ได้กับทั้ง ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ รวมทั้งก๊กที่ออกจากขั้วอำนาจ ‘3ป.’ ไปอยู่พรรคอื่นแทน
ทั้งนี้ฝั่ง ‘2ป.’ ได้ให้ ‘ทีมฝ่าย เสธ.’ และแกนนำในสาย ไล่โทรเช็ค ส.ส. พปชร. จะไปอยู่กับใคร เพื่อคำนวณเก้าอี้ ส.ส. ของแต่ละฝั่ง ซึ่งสิ่งที่จะเกิดในอนาคตคือ พปชร. กับ รทสช. จะกลายเป็น ‘พรรคขนาดกลาง’ อีกทั้งต้องจับตา กม.เลือกตั้ง ส.ส. ว่าสุดท้ายแล้ว จะกลับไปสูตรหาร 500 หรือไม่ หลัง ‘2ป.’ เดินเกม ‘แตกพรรค’ เช่นเดียวกับ ‘โมเดลแตกแบงค์’ ของพรรคเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 62 ที่วางเกม ‘สลับฟันปลา’ ในการส่งผู้สมัคร ส.ส. ในแต่ละพื้นที่ โดยไม่ส่งทับพื้นที่กันเอง จึงต้องจับตาว่า ‘2ป.’ จะเดินเกมตามหรือไม่
ก้าวย่างของ ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ ภายใต้เกม ‘พยัคฆ์พันหน้า’ เล่นกันหลายบท แม้จะดู ‘ทางใคร ทางมัน’ แต่ใน ‘ยุทธวิธีรบทหาร’ ยังมี ‘สงครามจิตวิทยา’ ที่สร้างสภาวะแวดล้อมขึ้นมา กำหนดทิศทาง ให้เป็นไปตามเกมที่วางไว้ เพื่อทำการ ‘กระชับอำนาจ’ และ ‘จัดระเบียบกันเอง’ โดยมีเป้าหมาย ‘ต่อลมหายใจ’ ให้กับ ‘ระบอบ 3ป.’ ที่ยังไม่คิด ‘ลงหลังเสือ-สละอำนาจ’ เพราะยัง ‘ถือไพ่’ เหนืออยู่ ไม่ต้องรีบจน ‘ผลีผลาม’ ทำให้ ‘บิ๊กตู่’ พูดเป็นนัยตัดสินใจการเมือง “หลังเอเปคก็ปีหน้าโน้นแหละ” !!
