













ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ณ ทำเนียบรัฐบาล เป็นไปอย่างคึกคัก โดยวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำตัวแทนเยาวชนเข้าเยี่ยมชมห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกันและพูดคุยสอบถามอย่างเป็นกันเอง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวชื่นชมเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ขอให้เรียนรู้ พัฒนาตัวเองต่อไป อย่าหยุดพัฒนา ในส่วนของเด็กที่มีความซื่อสัตย์ หรือเด็กกตัญญู นายกรัฐมนตรีขอให้รักษาความดีนี้ให้คงไว้ เพราะความดีจะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง มีแต่ความเจริญ และขอให้ชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันทำความดี พร้อมให้กำลังใจเด็กพิเศษหรือด้อยโอกาส ขออย่าท้อแท้ มีกำลังใจในการดำรงชีวิต ให้ยืนหยัดอยู่ในสังคมด้วยความภาคภูมิใจ ดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง มีกำลังใจในทุกๆ ด้าน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2566 ณ ตึกสันติไมตรี พร้อมกล่าวบางช่วงบางตอนว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบลูกหลานเยาวชนไทย และกล่าวถึงคำขวัญวันเด็กปีนี้ “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” ที่สื่อให้เห็นถึงหน้าที่ที่มีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมเน้นย้ำถึงการเป็นพลเมืองดี เคารพกฎระเบียบ กติกาของบ้านเมือง ไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน โดยต้องตระหนักใน 3 คำ คือ ‘สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ’ ซึ่งหากปฏิบัติพร้อมกัน บ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ
“สิทธิ หน้าที่ และเสรีภาพ ต้องไม่สร้างผลกระทบต่อคนอื่นและสังคม เราต้องภูมิใจประวัติศาสตร์ชาติของเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยต้องมีความจงรักภักดีกับสถาบันหลักทั้ง 3 นี้ ขณะที่การมีวินัยทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ถ้าคนในสังคมเคารพกติกากฎระเบียบไม่วุ่นวายไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน กฎหมายกระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้วถ้าทุกคนปฏิบัติตามเคารพซึ่งกันและกันก็เดินหน้าได้ทั้งหมดไม่เกิดปัญหา ส่วนการใฝ่ความดี ต้องฝึกตนเองให้คิดดีคิดบวกถ้าคิดลบทุกวันก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องคิดบวกคิดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ถ้าคิดแต่ตัวเองก็จะมองว่าอะไรก็ไม่ดีและไม่ใช่ แต่ต้องมองภาพรวมสังคมว่ามีอะไรที่ดีขึ้นแล้วบ้าง และย้ำว่าบ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพทำได้ทั้งหมดทั้งสิ่งที่เราต้องการและสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกอย่างต้องใช้เวลาทำอยู่หลายปีด้วยกันจนกว่าสำเร็จด้วยความร่วมมือพวกเราทุกคน ทำอย่างไรให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้นบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้ให้เห็นถึงการคิดบวก ซึ่งจะทำให้สามารถดำรงตนภายใต้คุณธรรมอันดีงาม เป็นภูมิคุ้มกันอันเข้มแข็งของเยาวชน เพื่อเติบใหญ่เป็นพลเมืองทรัพยากรที่มีค่าของแผ่นดินต่อไป และขอทุกคนตั้งมั่นในความดี ความเพียร มีสติปัญญาและเข้มแข็ง พร้อมโอบอ้อมอารี เพื่อทำให้สังคมไทยน่าอยู่มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความสุข และขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข นอกจากนี้ ขออย่าลืมความเป็นไทย ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่รู้จักจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถใช้เป็น Soft Power ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการเสริมเทคโนโลยีสมัยใหม่
“ถ้าเราใช้พลังของคนรุ่นใหม่บวกกับพลังของความเป็นไทย รักชาติถือเป็นพลังอำนาจที่ทรงคุณค่าที่สุดของเด็กไทย โดยต้องเข้าใจถึงรากเหง้าความเป็นมา ถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาไม่รู้ว่าเราเป็นใครแล้วเราจะรักแผ่นดินผืนนี้ได้อย่างไร ต้องเรียนรู้ก่อน จึงรู้ว่าเป็นแผ่นดินที่ทรงคุณค่าเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษสละเลือดเนื้อมากมายผ่านมหาศาล เพื่อนำไปสร้างสรรค์ต่อยอดไปในวันข้างหน้า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเน้นย้ำถึง 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นหลักของประเทศไทย และขอให้ทุกคนช่วยรักษาไว้ พร้อมกับช่วยกันดูแลบ้านเมือง
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมต่างๆ ภายในตึกสันติไมตรี อาทิ ทดลองแข่งแบดมินตัน ยูธอีสปอร์ตรุ่น 11-15 ปี ชายและหญิง และบังคับหุ่นยนต์ ในการแข่งขัน ‘โรบอท แบทเทิล’ นัดพิเศษ ตลอดจนได้เดินถ่ายรูปและแจกลายเซ็นกับเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างอารมณ์ดี
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวชื่นชมเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ขอให้เรียนรู้ พัฒนาตัวเองต่อไป อย่าหยุดพัฒนา ในส่วนของเด็กที่มีความซื่อสัตย์ หรือเด็กกตัญญู นายกรัฐมนตรีขอให้รักษาความดีนี้ให้คงไว้ เพราะความดีจะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง มีแต่ความเจริญ และขอให้ชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันทำความดี พร้อมให้กำลังใจเด็กพิเศษหรือด้อยโอกาส ขออย่าท้อแท้ มีกำลังใจในการดำรงชีวิต ให้ยืนหยัดอยู่ในสังคมด้วยความภาคภูมิใจ ดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง มีกำลังใจในทุกๆ ด้าน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2566 ณ ตึกสันติไมตรี พร้อมกล่าวบางช่วงบางตอนว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบลูกหลานเยาวชนไทย และกล่าวถึงคำขวัญวันเด็กปีนี้ “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” ที่สื่อให้เห็นถึงหน้าที่ที่มีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมเน้นย้ำถึงการเป็นพลเมืองดี เคารพกฎระเบียบ กติกาของบ้านเมือง ไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน โดยต้องตระหนักใน 3 คำ คือ ‘สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ’ ซึ่งหากปฏิบัติพร้อมกัน บ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ
“สิทธิ หน้าที่ และเสรีภาพ ต้องไม่สร้างผลกระทบต่อคนอื่นและสังคม เราต้องภูมิใจประวัติศาสตร์ชาติของเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยต้องมีความจงรักภักดีกับสถาบันหลักทั้ง 3 นี้ ขณะที่การมีวินัยทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ถ้าคนในสังคมเคารพกติกากฎระเบียบไม่วุ่นวายไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน กฎหมายกระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้วถ้าทุกคนปฏิบัติตามเคารพซึ่งกันและกันก็เดินหน้าได้ทั้งหมดไม่เกิดปัญหา ส่วนการใฝ่ความดี ต้องฝึกตนเองให้คิดดีคิดบวกถ้าคิดลบทุกวันก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องคิดบวกคิดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ถ้าคิดแต่ตัวเองก็จะมองว่าอะไรก็ไม่ดีและไม่ใช่ แต่ต้องมองภาพรวมสังคมว่ามีอะไรที่ดีขึ้นแล้วบ้าง และย้ำว่าบ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพทำได้ทั้งหมดทั้งสิ่งที่เราต้องการและสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกอย่างต้องใช้เวลาทำอยู่หลายปีด้วยกันจนกว่าสำเร็จด้วยความร่วมมือพวกเราทุกคน ทำอย่างไรให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้นบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้ให้เห็นถึงการคิดบวก ซึ่งจะทำให้สามารถดำรงตนภายใต้คุณธรรมอันดีงาม เป็นภูมิคุ้มกันอันเข้มแข็งของเยาวชน เพื่อเติบใหญ่เป็นพลเมืองทรัพยากรที่มีค่าของแผ่นดินต่อไป และขอทุกคนตั้งมั่นในความดี ความเพียร มีสติปัญญาและเข้มแข็ง พร้อมโอบอ้อมอารี เพื่อทำให้สังคมไทยน่าอยู่มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความสุข และขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข นอกจากนี้ ขออย่าลืมความเป็นไทย ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่รู้จักจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถใช้เป็น Soft Power ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการเสริมเทคโนโลยีสมัยใหม่
“ถ้าเราใช้พลังของคนรุ่นใหม่บวกกับพลังของความเป็นไทย รักชาติถือเป็นพลังอำนาจที่ทรงคุณค่าที่สุดของเด็กไทย โดยต้องเข้าใจถึงรากเหง้าความเป็นมา ถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาไม่รู้ว่าเราเป็นใครแล้วเราจะรักแผ่นดินผืนนี้ได้อย่างไร ต้องเรียนรู้ก่อน จึงรู้ว่าเป็นแผ่นดินที่ทรงคุณค่าเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษสละเลือดเนื้อมากมายผ่านมหาศาล เพื่อนำไปสร้างสรรค์ต่อยอดไปในวันข้างหน้า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเน้นย้ำถึง 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นหลักของประเทศไทย และขอให้ทุกคนช่วยรักษาไว้ พร้อมกับช่วยกันดูแลบ้านเมือง
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมต่างๆ ภายในตึกสันติไมตรี อาทิ ทดลองแข่งแบดมินตัน ยูธอีสปอร์ตรุ่น 11-15 ปี ชายและหญิง และบังคับหุ่นยนต์ ในการแข่งขัน ‘โรบอท แบทเทิล’ นัดพิเศษ ตลอดจนได้เดินถ่ายรูปและแจกลายเซ็นกับเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างอารมณ์ดี