อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ 3 จำนวน 450 หน้า ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ถึง 25 กรกฎาคม 2565
โดยในคำนำของหนังสือ ระบุว่า เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ โดยยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยในรอบปีที่ผ่านมา เน้นการแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบของความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังมีการระบาดของกลุ่มสายพันธุ์ย่อย ที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง รวมทั้งความท้าทายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
โดยในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลปีที่ 3 มีประเด็นนโยบายและมาตรการที่สำคัญ เช่น มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนทั่วไป มาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ การบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงาน และมาตรการบริหารสถานการณ์ควบคุมป้องกันหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเตรียมการเปิดประเทศ รวมทั้งได้รวบรวมผลการดำเนินงานจากทุกภาคส่วนราชการที่เป็นผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก 12 ด้าน และผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง
อาทิ นโยบายการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งรัฐบาลได้สืบสานรักษาต่อยอดศาสตร์พระราชา และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักสำคัญในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้กับประชาชน การบริหารจัดการการระบาดโควิด-19 ที่ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จัดหาวัคซีน และรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน
รวมถึงมาตรการการคลัง ที่รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับลูกค้ารายย่อย มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาผลกระทบประชาชน ขณะที่มาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการทัวร์เที่ยวไทย และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
ส่วนนโยบายการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัย และสร้างความสงบสุขของประเทศ โดยสร้างความปลอดภัยตั้งแต่ระดับชุมชน แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมและการป้องกันประเทศ
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก ซึ่งมีการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทั้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีน/สหรัฐอเมริกา/ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย และรัฐบาลกำกับดูแลวินัยการเงินการคลัง ปฏิรูปโครงสร้างรายได้ของภาครัฐ รวมถึงดำเนินนโยบายการเงินการคลังเพื่อให้เศรษฐกิจไทย สามารถตอบสนองต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทั้งการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
โดยในคำนำของหนังสือ ระบุว่า เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ โดยยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยในรอบปีที่ผ่านมา เน้นการแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบของความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังมีการระบาดของกลุ่มสายพันธุ์ย่อย ที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง รวมทั้งความท้าทายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
โดยในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลปีที่ 3 มีประเด็นนโยบายและมาตรการที่สำคัญ เช่น มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนทั่วไป มาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ การบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงาน และมาตรการบริหารสถานการณ์ควบคุมป้องกันหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเตรียมการเปิดประเทศ รวมทั้งได้รวบรวมผลการดำเนินงานจากทุกภาคส่วนราชการที่เป็นผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก 12 ด้าน และผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง
อาทิ นโยบายการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งรัฐบาลได้สืบสานรักษาต่อยอดศาสตร์พระราชา และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักสำคัญในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้กับประชาชน การบริหารจัดการการระบาดโควิด-19 ที่ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จัดหาวัคซีน และรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน
รวมถึงมาตรการการคลัง ที่รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับลูกค้ารายย่อย มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาผลกระทบประชาชน ขณะที่มาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการทัวร์เที่ยวไทย และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
ส่วนนโยบายการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัย และสร้างความสงบสุขของประเทศ โดยสร้างความปลอดภัยตั้งแต่ระดับชุมชน แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมและการป้องกันประเทศ
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก ซึ่งมีการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทั้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีน/สหรัฐอเมริกา/ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย และรัฐบาลกำกับดูแลวินัยการเงินการคลัง ปฏิรูปโครงสร้างรายได้ของภาครัฐ รวมถึงดำเนินนโยบายการเงินการคลังเพื่อให้เศรษฐกิจไทย สามารถตอบสนองต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทั้งการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
