งานนี้เสนอตัวมาเอง ไม่ได้มีพลังดูด สำหรับ ‘บี-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์’ นำทีม ‘ภูมิใจกรุงเทพฯ’ ร่วมทัพพรรคภูมิใจไทย สะท้อนว่าพื้นที่ กทม. ที่ ภท. ไม่มีฐานเสียง ไม่เคยเจาะได้ แต่ในการเลือกตั้งปีนี้ ภท. หวังปกธง กทม. ให้ได้ นำมาสู่การดึง ‘บี-พุทธิพงษ์’ มาเสริมทัพครั้งนี้ ซึ่ง ‘บี-พุทธิพงษ์’ เคยเป็นหนึ่งในขุนพลคู่กับ ‘ตั้น-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ’ หรือก๊วน กปปส. เดิมที่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ที่วางแผนจัดทัพตีเมืองกรุง ทำให้ พปชร. ได้ ส.ส.กรุงเทพฯ มาถึง 12 คน
ซึ่งทั้ง ‘บี-ตั้น’ เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และเป็นขุนพล กทม. ดั้งเดิม ที่รู้จักพื้นที่ กทม. ดี มีเครือข่ายของตัวเอง แม้ว่า ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ โดยมีอีกแรงสนับสนุนคือกระแส ‘บิ๊กตู่ฟีเวอร์’ และ ‘เลือกสงบจบที่ลุงตู่’ ในขณะนั้นด้วย ที่สำคัญคือทำให้ ปชป. ถึงขั้นสูญพันธ์ในสนาม กทม.
แต่สนาม กทม. เป็นที่รู้กันว่าทีความ ‘สวิงโหวต’ สูง เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นสนามปราบเซียน เป็นเรื่องของกระแสล้วนๆ แต่ด้วย ‘กระสุน-เสบียง’ ที่พรรค ภท. มีอยู่ ก็ทำให้หวังปักธงใน กทม. ได้บ้าง เพื่อประกาศชัยชนะของพรรค สะท้อนถึง ‘ขุมกำลัง’ ของพรรค
สำหรับ ‘บี-พุทธิพงษ์’ เผชิญวิบากกรรมจากคดีความในคดีม็อบ กปปส. ทำให้ถูกตัดสิทธิการเมือง หลุดจากตำแหน่ง ส.ส. และเก้าอี้ รมต.ดิจิทัลฯ ไปด้วย จึงถูกมองว่าเป็น ‘เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล’ จากนั้นสัมพันธ์ระหว่าง ‘ก๊วน กปปส.’ กับขั้วอำนาจ 3ป. เริ่มมี ‘ระยะห่าง’ ต่อกันไปด้วย
รังเก่าอย่าง พปชร. ก็ยากที่ ‘บี-พุทธิพงษ์’ จะกลับไป เพราะมีความวุ่นวายภายใน ในการหา ‘แม่ทัพนครบาล’ คนใหม่ ที่ฝุ่นตลบไม่จบ พร้อมกับ ‘กระแสพรรค’ ที่ดิ่งลง ทำให้ ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. อยู่ในสภาพ ‘เบี้ยหัวแตก’ กระจัดกระจายไปหลายพรรค ทั้ง ภท. พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ พปชร. ต้องหาผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ใหม่
อย่างไรก็ตาม ‘บี-พุทธิพงษ์’ ระบุว่าที่มา ภท. อยู่กับ ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล หน.ภูมิใจไทย มีเรื่อง ‘สายสัมพันธ์’ ในอดีตในรุ่น ‘คุณพ่อ-คุณแม่’ ของทั้ง 2 ฝ่าย ที่รู้จักมักคุ้นกันมา ระหว่าง ‘ปู่จิ้น’ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล กับ ‘ศ.คลินิก เกียรติคุณ เหลือพร ปุณณกันต์ - ดาริกา ปุณณกันต์’
แม้ว่า ‘บี-พุทธิพงษ์’ จะได้ชื่อว่าอยู่ใน ‘ก๊วนบิ๊กตู่’ ตั้งแต่เริ่ม เพราะ ‘บิ๊กตู่’ เป็นคนดึงมาเป็น ‘โฆษกรัฐบาล’ ตั้งแต่ยุค คสช. แต่เมื่อมาเผชิญวิบากกรรมต้อง ‘ติดคุก’ ทำให้ ‘ตีห่าง’ จาก ‘บิ๊กตู่’ และโลว์โปร์ไฟล์-เว้นวรรคการเมืองไป จนมาซบ ภท. เพราะถ้าไป รทสช. ก็จะไม่ได้เป็น ‘ดาวเด่น’ คุม กทม. อีกครั้ง เพราะมีอดีต ‘ศิษย์เก่า ปชป.’ คุมพื้นที่ กทม. อยู่แล้ว นั่นคือ ‘ขิง’เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช. และ ‘ตุ๋ย’พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า รทสช. ที่มาคุม กทม. เอง อีกทั้ง ‘บี-พุทธิพงษ์’ ประเมินแล้วว่ากระแส ‘บิ๊กตู่’ ลดลงด้วย
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ ‘บี-พุทธิพงษ์’ มาจบที่ ภท. ที่ยังไม่มี ‘แม่ทัพนครบาล’ ทำให้ ‘บี-พุทธิพงษ์’ มีตัวตนภายใน ภท. และมองว่า ภท. เป็นพรรคไร้ขั้ว ที่น่าจะมีโอกาสในสนาม กทม. ด้วยนั่นเอง
ซึ่งทั้ง ‘บี-ตั้น’ เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และเป็นขุนพล กทม. ดั้งเดิม ที่รู้จักพื้นที่ กทม. ดี มีเครือข่ายของตัวเอง แม้ว่า ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ โดยมีอีกแรงสนับสนุนคือกระแส ‘บิ๊กตู่ฟีเวอร์’ และ ‘เลือกสงบจบที่ลุงตู่’ ในขณะนั้นด้วย ที่สำคัญคือทำให้ ปชป. ถึงขั้นสูญพันธ์ในสนาม กทม.
แต่สนาม กทม. เป็นที่รู้กันว่าทีความ ‘สวิงโหวต’ สูง เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นสนามปราบเซียน เป็นเรื่องของกระแสล้วนๆ แต่ด้วย ‘กระสุน-เสบียง’ ที่พรรค ภท. มีอยู่ ก็ทำให้หวังปักธงใน กทม. ได้บ้าง เพื่อประกาศชัยชนะของพรรค สะท้อนถึง ‘ขุมกำลัง’ ของพรรค
สำหรับ ‘บี-พุทธิพงษ์’ เผชิญวิบากกรรมจากคดีความในคดีม็อบ กปปส. ทำให้ถูกตัดสิทธิการเมือง หลุดจากตำแหน่ง ส.ส. และเก้าอี้ รมต.ดิจิทัลฯ ไปด้วย จึงถูกมองว่าเป็น ‘เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล’ จากนั้นสัมพันธ์ระหว่าง ‘ก๊วน กปปส.’ กับขั้วอำนาจ 3ป. เริ่มมี ‘ระยะห่าง’ ต่อกันไปด้วย
รังเก่าอย่าง พปชร. ก็ยากที่ ‘บี-พุทธิพงษ์’ จะกลับไป เพราะมีความวุ่นวายภายใน ในการหา ‘แม่ทัพนครบาล’ คนใหม่ ที่ฝุ่นตลบไม่จบ พร้อมกับ ‘กระแสพรรค’ ที่ดิ่งลง ทำให้ ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. อยู่ในสภาพ ‘เบี้ยหัวแตก’ กระจัดกระจายไปหลายพรรค ทั้ง ภท. พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ พปชร. ต้องหาผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ใหม่
อย่างไรก็ตาม ‘บี-พุทธิพงษ์’ ระบุว่าที่มา ภท. อยู่กับ ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล หน.ภูมิใจไทย มีเรื่อง ‘สายสัมพันธ์’ ในอดีตในรุ่น ‘คุณพ่อ-คุณแม่’ ของทั้ง 2 ฝ่าย ที่รู้จักมักคุ้นกันมา ระหว่าง ‘ปู่จิ้น’ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล กับ ‘ศ.คลินิก เกียรติคุณ เหลือพร ปุณณกันต์ - ดาริกา ปุณณกันต์’
แม้ว่า ‘บี-พุทธิพงษ์’ จะได้ชื่อว่าอยู่ใน ‘ก๊วนบิ๊กตู่’ ตั้งแต่เริ่ม เพราะ ‘บิ๊กตู่’ เป็นคนดึงมาเป็น ‘โฆษกรัฐบาล’ ตั้งแต่ยุค คสช. แต่เมื่อมาเผชิญวิบากกรรมต้อง ‘ติดคุก’ ทำให้ ‘ตีห่าง’ จาก ‘บิ๊กตู่’ และโลว์โปร์ไฟล์-เว้นวรรคการเมืองไป จนมาซบ ภท. เพราะถ้าไป รทสช. ก็จะไม่ได้เป็น ‘ดาวเด่น’ คุม กทม. อีกครั้ง เพราะมีอดีต ‘ศิษย์เก่า ปชป.’ คุมพื้นที่ กทม. อยู่แล้ว นั่นคือ ‘ขิง’เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช. และ ‘ตุ๋ย’พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า รทสช. ที่มาคุม กทม. เอง อีกทั้ง ‘บี-พุทธิพงษ์’ ประเมินแล้วว่ากระแส ‘บิ๊กตู่’ ลดลงด้วย
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ ‘บี-พุทธิพงษ์’ มาจบที่ ภท. ที่ยังไม่มี ‘แม่ทัพนครบาล’ ทำให้ ‘บี-พุทธิพงษ์’ มีตัวตนภายใน ภท. และมองว่า ภท. เป็นพรรคไร้ขั้ว ที่น่าจะมีโอกาสในสนาม กทม. ด้วยนั่นเอง
