อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้อนรับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และอดีต รมต.ดิจิทัลฯ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ด้วยรถตุ๊กๆ อีวี ทะเบียน สก 3100 โดยทันทีที่เดินทางมาถึงที่หน้าทำการพรรค อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้อนรับด้วยการเป็นโชเฟอร์ ขับพาวนรอบวงเวียนหน้าที่ทำการพรรค ก่อนลงมาชูมือที่หน้าประตูทางเข้าพรรค
อนุทิน กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน ขอกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับสู่ครอบครัวภูมิใจไทย พี่น้องภูมิใจไทยในเขตกรุงเทพมหานครสู่บ้านหลังนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พุทธพงษ์ ถือว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นลูก เป็นผู้ที่ทุ่มเทเสียสละ มีความสามารถ มีความตั้งใจในการทำงาน รับใช้บ้านเมือง ซึ่งตรงกับเจตนารมย์และความตั้งใจของพวกเราทุกคนในพรรคภูมิใจไทย ท่านคือคนที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรคภูมิใจไทยที่จะเสนอทางเลือกให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ถือว่ามาเติมเต็มพรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคการเมืองของประเทศไทย เราพยายามที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่พรรคเราก็มีที่มาเริ่มต้นมาจากต่างจังหวัด เราไม่มีพื้นฐานอยู่ในกรุงเทพมานคร เราอาจจะประหม่าในการเข้าถึงจิตใจพี่น้องประชาชน แต่ช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากมีโอกาสเข้าไปร่วมบริหารราชการแผ่นดิน พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้บอกว่ากรุงเทพมหานครไม่ใช่เป้าหมาย แต่มองว่ากรุงเทพมหานครเป็นหัวใจของประเทศไทยจังหวัดหนึ่ง เราทำงานอย่างเต็มที่ให้คนทั่วไปที่สามารถเข้ามาประกอบอาชีพได้ ถึงเวลาภูมิใจไทยเข้ากรุงเทพแล้ว ใครที่เข้ามาในพรรคแล้วต้องไม่ประหม่า แต่เป็นพรรคที่เข้าพบหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคได้ตลอด ไม่ต้องแลกบัตร ไม่ต้องปั๊มมือ สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าเราอยู่กันอย่างพี่น้อง อยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น อย่างญาติ ไม่มีพิธีรีตองใดๆ นี่คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยแสดงให้เห็นในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียว
ในการต้องการรับใช้บ้านเมืองและประชาชน และทำให้องค์กรที่เป็นพรรคการเมืองชื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นที่ไว้วางใจเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ขอให้ทุกคนนำเจตนารมย์และนำความเป็นเอกลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทย เอามาสิงไว้ในตัวเอง ไม่มีพลังเหล่านี้จะสามารถขับเคลื่อนสิ่งที่คนบอกว่ายาก เพราะเรามีประชาชนเป็นเป้าหมาย เป็นกำแพง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เพื่อประชาชนทุกอย่าง ก็จะประสบความสำเร็จ และเราก็แสดงให้ประชาชนได้เห็นแล้วอยากจะทำต่อไป ตามสโลแกน พูดแล้วทำ ละลายทุกข้อจำกัด
ในฐานะหัวหน้าพรรควันนี้ขอถอดหัวโขนตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อพูดกับอดีต ส.ส.ในฐานะสมาชิกพรรค เพื่อขอคารวะ ที่ได้ลาออกจาก ส.ส.แล้วมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย อย่าง เผดิมชัย บุญช่วยเหลือ, อนุสรี ทับสุวรรณ ซึ่งจะรีบสวมเสื้อให้กับผู้ที่เข้ามาสมัครสมาชิก ซึ่งถ้าใส่แล้วขอไม่ถอด และขอให้ใส่ตลอดไป
ขณะที่ พุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทีมงานเป็นคนกรุงเทพฯ และเข้าใจปัญหาของกรุงเทพมหานครเป็นอย่างดี เพราะได้มีการศึกษา ปัญหาในกรุงเทพมหานครร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่มี ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แม้แต่คนเดียว แต่ผลงานรัฐบาลในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่รับผิดชอบในหลายกระทรวงได้ทำประโยชน์ให้กับคนกรุงเทพมากมาย จึงเชื่อว่าผลงานที่ได้ทำไว้ตลอดการเป็นรัฐบาล จะส่งผลดีกับการเลือกตั้งครั้งหน้า และพรรคภูมิใจไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเหตุผลที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะให้โอกาสได้นำปัญหาของคนกรุงเทพฯ มาเป็นนโยบายและแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ ทั้งนี้นโยบายของทีมกรุงเทพและพรรคมีแนวคิดตรงกัน แม้จะไม่ใช่เมกะโปรเจกต์ แต่สามารถจับต้องได้ไม่ใช่นโยบายเพ้อฝัน ที่จะทำให้ประเทศของเราพัฒนาไปได้ โดยที่ไม่ได้นึกถึงตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ เชื่อมั่นในตัว อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะมาเป็นผู้นำพรรค เป็นผู้นำของประเทศและเป็นที่พึ่งของพวกเราได้
อย่างไรก็ตาม พุทธิพงษ์ ยังได้อธิบายโลโก้ภูมิใจกรุงเทพที่เป็นหัวใจติดปีกว่า มาจากภารกิจหนึ่งของหัวหน้าพรรคที่ขับเครื่องบินรับส่งหัวใจให้ผู้ป่วย
สำหรับทีมคนรุ่นใหม่บางส่วนที่จะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. มาจากตระกูลเก่าแก่ โดยมีชื่อของหลานสาวของ สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อย่าง พีร์ปภาอร เสถียรไทย ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมี ศลิษา สิงหเสนี, พิชามญช์ ชมะนันทน์, อัชญา จุลชาต และ พศิน ชาญศิลป์
ทั้งนี้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กล่าวย้ำที่จะรักษาพื้นที่ทางการเมืองของอดีต ส.ส. ที่อยู่ในสังกัดทั้ง 8 เขตเลือกตั้งของกรุงเทพฯ เอาไว้ให้ได้ ยืนยันสู้เต็มที่ต้องรักษาแชมป์ เพราะว่าเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่มีการทำพื้นการบ้านมานาน เตรียมคน พร้อมยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนหนึ่งจะมาจากผลของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีกส่วนก็เป็นเรื่องของกระแส ของแต่ละพรรคการเมือง และอาจต้องมีการปรับเรื่องของนโยบาย เพราะเงื่อนไขต่างๆเปลี่ยนไป เชื่อว่าอนุทินเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถมาเติมเต็มในสถานการณ์ปัจจุบัน
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สามารถนำเสนอให้คนกรุงเทพได้เห็น ด้วยคุณสมบัติที่ทำธุรกิจมานานและมีเครือข่ายนักธุรกิจ และรู้จักกับทูตต่างประเทศ จึงมั่นใจว่านายอนุทินสามารถเป็นผู้นำของประเทศมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ในสถานการณ์ช่วงฟื้นฟูหลังโควิด-19
สำหรับชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น พุทธิพงษ์ ให้ความเห็นส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ ถือเป็นเสน่ห์และความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีการแข่งขัน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอมาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า และย้ำว่าไม่มีใครดีกว่าใคร แต่อยู่ที่สถานการณ์ในวันนั้นว่าใครที่จะเหมาะเป็นผู้นำพาประเทศ
นอกจากนี้ พุทธิพงษ์ ยอมรับว่าคุณสมบัติของตน ไม่สามารถที่จะเป็นรัฐมนตรีได้ แต่ยังสามารถเป็น ส.ส. ได้ แต่ทางนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทัพผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ
อนุทิน กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน ขอกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับสู่ครอบครัวภูมิใจไทย พี่น้องภูมิใจไทยในเขตกรุงเทพมหานครสู่บ้านหลังนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พุทธพงษ์ ถือว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นลูก เป็นผู้ที่ทุ่มเทเสียสละ มีความสามารถ มีความตั้งใจในการทำงาน รับใช้บ้านเมือง ซึ่งตรงกับเจตนารมย์และความตั้งใจของพวกเราทุกคนในพรรคภูมิใจไทย ท่านคือคนที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรคภูมิใจไทยที่จะเสนอทางเลือกให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ถือว่ามาเติมเต็มพรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคการเมืองของประเทศไทย เราพยายามที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่พรรคเราก็มีที่มาเริ่มต้นมาจากต่างจังหวัด เราไม่มีพื้นฐานอยู่ในกรุงเทพมานคร เราอาจจะประหม่าในการเข้าถึงจิตใจพี่น้องประชาชน แต่ช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากมีโอกาสเข้าไปร่วมบริหารราชการแผ่นดิน พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้บอกว่ากรุงเทพมหานครไม่ใช่เป้าหมาย แต่มองว่ากรุงเทพมหานครเป็นหัวใจของประเทศไทยจังหวัดหนึ่ง เราทำงานอย่างเต็มที่ให้คนทั่วไปที่สามารถเข้ามาประกอบอาชีพได้ ถึงเวลาภูมิใจไทยเข้ากรุงเทพแล้ว ใครที่เข้ามาในพรรคแล้วต้องไม่ประหม่า แต่เป็นพรรคที่เข้าพบหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคได้ตลอด ไม่ต้องแลกบัตร ไม่ต้องปั๊มมือ สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าเราอยู่กันอย่างพี่น้อง อยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น อย่างญาติ ไม่มีพิธีรีตองใดๆ นี่คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยแสดงให้เห็นในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียว
ในการต้องการรับใช้บ้านเมืองและประชาชน และทำให้องค์กรที่เป็นพรรคการเมืองชื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นที่ไว้วางใจเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ขอให้ทุกคนนำเจตนารมย์และนำความเป็นเอกลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทย เอามาสิงไว้ในตัวเอง ไม่มีพลังเหล่านี้จะสามารถขับเคลื่อนสิ่งที่คนบอกว่ายาก เพราะเรามีประชาชนเป็นเป้าหมาย เป็นกำแพง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เพื่อประชาชนทุกอย่าง ก็จะประสบความสำเร็จ และเราก็แสดงให้ประชาชนได้เห็นแล้วอยากจะทำต่อไป ตามสโลแกน พูดแล้วทำ ละลายทุกข้อจำกัด
ในฐานะหัวหน้าพรรควันนี้ขอถอดหัวโขนตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อพูดกับอดีต ส.ส.ในฐานะสมาชิกพรรค เพื่อขอคารวะ ที่ได้ลาออกจาก ส.ส.แล้วมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย อย่าง เผดิมชัย บุญช่วยเหลือ, อนุสรี ทับสุวรรณ ซึ่งจะรีบสวมเสื้อให้กับผู้ที่เข้ามาสมัครสมาชิก ซึ่งถ้าใส่แล้วขอไม่ถอด และขอให้ใส่ตลอดไป
ขณะที่ พุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทีมงานเป็นคนกรุงเทพฯ และเข้าใจปัญหาของกรุงเทพมหานครเป็นอย่างดี เพราะได้มีการศึกษา ปัญหาในกรุงเทพมหานครร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่มี ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แม้แต่คนเดียว แต่ผลงานรัฐบาลในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่รับผิดชอบในหลายกระทรวงได้ทำประโยชน์ให้กับคนกรุงเทพมากมาย จึงเชื่อว่าผลงานที่ได้ทำไว้ตลอดการเป็นรัฐบาล จะส่งผลดีกับการเลือกตั้งครั้งหน้า และพรรคภูมิใจไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเหตุผลที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะให้โอกาสได้นำปัญหาของคนกรุงเทพฯ มาเป็นนโยบายและแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ ทั้งนี้นโยบายของทีมกรุงเทพและพรรคมีแนวคิดตรงกัน แม้จะไม่ใช่เมกะโปรเจกต์ แต่สามารถจับต้องได้ไม่ใช่นโยบายเพ้อฝัน ที่จะทำให้ประเทศของเราพัฒนาไปได้ โดยที่ไม่ได้นึกถึงตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ เชื่อมั่นในตัว อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะมาเป็นผู้นำพรรค เป็นผู้นำของประเทศและเป็นที่พึ่งของพวกเราได้
อย่างไรก็ตาม พุทธิพงษ์ ยังได้อธิบายโลโก้ภูมิใจกรุงเทพที่เป็นหัวใจติดปีกว่า มาจากภารกิจหนึ่งของหัวหน้าพรรคที่ขับเครื่องบินรับส่งหัวใจให้ผู้ป่วย
สำหรับทีมคนรุ่นใหม่บางส่วนที่จะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. มาจากตระกูลเก่าแก่ โดยมีชื่อของหลานสาวของ สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อย่าง พีร์ปภาอร เสถียรไทย ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมี ศลิษา สิงหเสนี, พิชามญช์ ชมะนันทน์, อัชญา จุลชาต และ พศิน ชาญศิลป์
ทั้งนี้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กล่าวย้ำที่จะรักษาพื้นที่ทางการเมืองของอดีต ส.ส. ที่อยู่ในสังกัดทั้ง 8 เขตเลือกตั้งของกรุงเทพฯ เอาไว้ให้ได้ ยืนยันสู้เต็มที่ต้องรักษาแชมป์ เพราะว่าเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่มีการทำพื้นการบ้านมานาน เตรียมคน พร้อมยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนหนึ่งจะมาจากผลของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีกส่วนก็เป็นเรื่องของกระแส ของแต่ละพรรคการเมือง และอาจต้องมีการปรับเรื่องของนโยบาย เพราะเงื่อนไขต่างๆเปลี่ยนไป เชื่อว่าอนุทินเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถมาเติมเต็มในสถานการณ์ปัจจุบัน
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สามารถนำเสนอให้คนกรุงเทพได้เห็น ด้วยคุณสมบัติที่ทำธุรกิจมานานและมีเครือข่ายนักธุรกิจ และรู้จักกับทูตต่างประเทศ จึงมั่นใจว่านายอนุทินสามารถเป็นผู้นำของประเทศมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ในสถานการณ์ช่วงฟื้นฟูหลังโควิด-19
สำหรับชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น พุทธิพงษ์ ให้ความเห็นส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ ถือเป็นเสน่ห์และความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีการแข่งขัน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอมาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า และย้ำว่าไม่มีใครดีกว่าใคร แต่อยู่ที่สถานการณ์ในวันนั้นว่าใครที่จะเหมาะเป็นผู้นำพาประเทศ
นอกจากนี้ พุทธิพงษ์ ยอมรับว่าคุณสมบัติของตน ไม่สามารถที่จะเป็นรัฐมนตรีได้ แต่ยังสามารถเป็น ส.ส. ได้ แต่ทางนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทัพผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ
