









8 พ.ค. 66 ที่อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ‘สาธิต ปิตุเตชะ’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.เขต จังหวัดระยอง ได้แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยหาเสียงใส่ร้าย ไม่สร้างสรรค์ เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในการเลือกตั้งและเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ส.ส.เขต ว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้กล่าวปราศรัยที่หาดแหลมเจริญ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยมีการระบุเนื้อหา เข้าข่ายบิดเบือนความจริงว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กรณีแรกคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 สองกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ของทหารอียิปต์ เมื่อเดือนธันวาคม 2563 และเหตุการณ์น้ำมันรั่วช่วงต้นปี 2565
โดย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ได้มีการเปิดสไลด์วิดีโอที่ พิธากล่าวปราศรัยในพื้นที่วานนี้ให้สื่อมวลชนได้ดูประกอบการแถลงข่าวด้วย สาธิตกล่าวว่า ที่พิธาพูด ทั้ง 3 เหตุการณ์ ว่าตนและ ส.ส.เขตระยอง ไม่สนใจแก้ปัญหาต่างๆ ก็เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจได้ว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ กรณีเรื่องบ่อนการพนันย้ำว่าเป็นช่วงแรกของสถานการณ์โควิดที่มีการระบาดในจังหวัดระยอง ซึ่งส่วนตัวก็มีการตื่นตัวอย่างมาก เพราะในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.เขต 2 ได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับภาคประชาชน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปิดบ่อน และเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ขอย้ำว่ากลุ่ม ส.ส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทำงานอย่างเข้มแข็ง จนสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในไม่กี่วัน กระทั่งผลักดันให้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งชั้นสัญญาบัตร ระดับผู้บัญชาการภาค ไปจนถึงห้าเสือในโรงพัก และสามารถจับกุมเจ้าของบ่อนรายใหญ่ได้
“พรรคก้าวไกลไม่ควรอวดอ้างผลงานนี้ แต่เป็นภาคประชาชนจังหวัดระยอง ที่ร่วมงานกับ ส.ส.ของเขา ขอย้ำว่าเรื่องนี้ที่คุณพิธาพูด เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิด คนที่จะอวดอ้างเป็นผลงานคือ คนที่ชื่อสาธิต ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.เขต เพราะลงพื้นที่ทำงานที่นั่น เป็น ส.ส.ที่นั่น จนประสบความสำเร็จ”
ส่วนกรณีที่ทหารอียิปต์ออกจากที่กักตัวไปเดินห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง ส่วนตัวได้ตรวจสอบย้อนหลัง และทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ พร้อมไปจุดเสี่ยงทั้งหมด นำตัวทหารอียิปต์ไปตรวจหาเชื้อ และสอบสวนโรคผู้ใกล้ชิด จนควบคุมได้
ในประเด็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 ส่วนตัวก็มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและนั่งเฮลิคอปเตอร์ติดตามสถานการณ์ตรวจดูคราบน้ำมันในทะเลด้วย และคอยประสานกับกองทัพเรือเข้าช่วยควบคุม จากนั้นก็ได้มีการเตรียมอุปกรณ์ เพื่อป้องกัน พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือและให้ข้อมูล ตลอดจนทำเรื่องเยียวยา สั่งผู้รับผิดชอบต้องเยียวยามากที่สุด และดำเนินการฟ้องร้อง
สาธิต กล่าวย้ำว่า การที่พิธาบอกว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย อยากให้แยกแยะการปฏิบัติหน้าที่ อย่างฝ่ายนิติบัญญัติคือการปฏิบัติในสภาฯ การแก้ไขปัญหาหรือใช้งบประมาณเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ส่วนตนตัวเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ที่ทำงานภาครัฐควบคู่กับประชาชนและผู้ประสบเหตุ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรบอกประชาชนว่าทำหน้าที่ในสภาฯ ได้อย่างสมบูรณ์อย่างไร หากเป็นไปในรูปแบบดังกล่าวถึงจะแสดงให้เห็นว่า เป็นการเมืองสร้างสรรค์
“เวลาลงพื้นที่หาเสียง เจอกับผู้สมัครพรรคก้าวไกล ไม่เคยมีปัญหา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามมารยาททางการเมือง มันเป็นความสุขช่วงหาเสียง แต่มันพังทลายลงหมด เพราะการเดินทางมาของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ทราบว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้ ที่คิดว่ามีกระแสสนับสนุนอย่างมาก หรือสนุกปากอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ย้อนกลับไปดูข้อมูลเป็นอย่างไร การที่พรรคการเมืองเห็นปัญหาและนำไปเป็นนโยบายเป็นเรื่องที่ดี แต่การใส่ร้ายป้ายสีหรือการทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม อาจนำไปสู่การดำเนินการต่อไป”
ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย สาธิตระบุว่า เขาจะไปแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานเบื้องต้นที่ สภ.อ.เมืองระยอง วันนี้ในส่วนจะไปร้องเรียนกับทาง กกต. หรือไม่ ส่วนตัวขอสงวนสิทธิพิจารณาอีกครั้ง
“สังคมกำลังตั้งคำถามถึงพฤติกรรมความไม่น่าเชื่อถือของหัวหน้าพรรคก้าวไกล คนชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผมอาจจะไม่ต้องยกตัวอย่างนะครับ 4-5 ข้อ มีและวันนี้จะเป็นอีกกรณีที่สิ่งที่คำพูดกับความเป็นจริงนั้นมันเป็นยังไง โปรดเข้าใจความเป็นประชาธิปไตยที่ถ่องแท้และความเป็นลูกผู้ชายในภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง” สาธิต กล่าวทิ้งท้าย
โดย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ได้มีการเปิดสไลด์วิดีโอที่ พิธากล่าวปราศรัยในพื้นที่วานนี้ให้สื่อมวลชนได้ดูประกอบการแถลงข่าวด้วย สาธิตกล่าวว่า ที่พิธาพูด ทั้ง 3 เหตุการณ์ ว่าตนและ ส.ส.เขตระยอง ไม่สนใจแก้ปัญหาต่างๆ ก็เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจได้ว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ กรณีเรื่องบ่อนการพนันย้ำว่าเป็นช่วงแรกของสถานการณ์โควิดที่มีการระบาดในจังหวัดระยอง ซึ่งส่วนตัวก็มีการตื่นตัวอย่างมาก เพราะในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.เขต 2 ได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับภาคประชาชน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปิดบ่อน และเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ขอย้ำว่ากลุ่ม ส.ส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทำงานอย่างเข้มแข็ง จนสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในไม่กี่วัน กระทั่งผลักดันให้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งชั้นสัญญาบัตร ระดับผู้บัญชาการภาค ไปจนถึงห้าเสือในโรงพัก และสามารถจับกุมเจ้าของบ่อนรายใหญ่ได้
“พรรคก้าวไกลไม่ควรอวดอ้างผลงานนี้ แต่เป็นภาคประชาชนจังหวัดระยอง ที่ร่วมงานกับ ส.ส.ของเขา ขอย้ำว่าเรื่องนี้ที่คุณพิธาพูด เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิด คนที่จะอวดอ้างเป็นผลงานคือ คนที่ชื่อสาธิต ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.เขต เพราะลงพื้นที่ทำงานที่นั่น เป็น ส.ส.ที่นั่น จนประสบความสำเร็จ”
ส่วนกรณีที่ทหารอียิปต์ออกจากที่กักตัวไปเดินห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง ส่วนตัวได้ตรวจสอบย้อนหลัง และทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ พร้อมไปจุดเสี่ยงทั้งหมด นำตัวทหารอียิปต์ไปตรวจหาเชื้อ และสอบสวนโรคผู้ใกล้ชิด จนควบคุมได้
ในประเด็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 ส่วนตัวก็มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและนั่งเฮลิคอปเตอร์ติดตามสถานการณ์ตรวจดูคราบน้ำมันในทะเลด้วย และคอยประสานกับกองทัพเรือเข้าช่วยควบคุม จากนั้นก็ได้มีการเตรียมอุปกรณ์ เพื่อป้องกัน พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือและให้ข้อมูล ตลอดจนทำเรื่องเยียวยา สั่งผู้รับผิดชอบต้องเยียวยามากที่สุด และดำเนินการฟ้องร้อง
สาธิต กล่าวย้ำว่า การที่พิธาบอกว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย อยากให้แยกแยะการปฏิบัติหน้าที่ อย่างฝ่ายนิติบัญญัติคือการปฏิบัติในสภาฯ การแก้ไขปัญหาหรือใช้งบประมาณเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ส่วนตนตัวเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ที่ทำงานภาครัฐควบคู่กับประชาชนและผู้ประสบเหตุ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรบอกประชาชนว่าทำหน้าที่ในสภาฯ ได้อย่างสมบูรณ์อย่างไร หากเป็นไปในรูปแบบดังกล่าวถึงจะแสดงให้เห็นว่า เป็นการเมืองสร้างสรรค์
“เวลาลงพื้นที่หาเสียง เจอกับผู้สมัครพรรคก้าวไกล ไม่เคยมีปัญหา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามมารยาททางการเมือง มันเป็นความสุขช่วงหาเสียง แต่มันพังทลายลงหมด เพราะการเดินทางมาของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ทราบว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้ ที่คิดว่ามีกระแสสนับสนุนอย่างมาก หรือสนุกปากอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ย้อนกลับไปดูข้อมูลเป็นอย่างไร การที่พรรคการเมืองเห็นปัญหาและนำไปเป็นนโยบายเป็นเรื่องที่ดี แต่การใส่ร้ายป้ายสีหรือการทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม อาจนำไปสู่การดำเนินการต่อไป”
ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย สาธิตระบุว่า เขาจะไปแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานเบื้องต้นที่ สภ.อ.เมืองระยอง วันนี้ในส่วนจะไปร้องเรียนกับทาง กกต. หรือไม่ ส่วนตัวขอสงวนสิทธิพิจารณาอีกครั้ง
“สังคมกำลังตั้งคำถามถึงพฤติกรรมความไม่น่าเชื่อถือของหัวหน้าพรรคก้าวไกล คนชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผมอาจจะไม่ต้องยกตัวอย่างนะครับ 4-5 ข้อ มีและวันนี้จะเป็นอีกกรณีที่สิ่งที่คำพูดกับความเป็นจริงนั้นมันเป็นยังไง โปรดเข้าใจความเป็นประชาธิปไตยที่ถ่องแท้และความเป็นลูกผู้ชายในภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง” สาธิต กล่าวทิ้งท้าย