‘ส.ว.’ แท็กทีมจวกยับ ‘ก้าวไกล’ ด้าน ‘พิธา’ ลุกโต้ ปัดปลุกปั่นเด็ก

13 ก.ค. 2566 - 10:02

  • ‘ส.ว.’ แท็กทีมสับเละ! ‘เสรี’ รับกลัวเสียง ‘ด้อมส้ม’ แต่ต้องปกป้องบ้านเมือง-สถาบันฯ

  • จวก ‘ก้าวไกล’ อย่าสำคัญตัวเองผิด เคลมจาก 14 ล้านเสียง เป็น 30 ล้านเสียง

  • ฝากสังคมพิจารณาจะเลือก ‘นายกฯ’ ที่อาจขัดคุณสมบัติหรือ

  • ขณะที่ ‘ส.ว.สมชาย’ ปูดมีวิชามาร ‘กองทัพอวตารแก้ว 3 ประการ’ เต็มโซเชียลฯ

Senators-blame-Pita-and-MFP-to-amend-Section-112-SPACEBAR-Thumbnail
เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวอภิปรายบางช่วงบางตอน ในการประชุมร่วมรัฐสภา วาระโหวตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ตนเองไม่ได้อคติต่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และพรรคก้าวไกล แต่ พิธา ไม่สมควรได้รับตำแหน่งนายกฯ โดยมีเหตุผลสำคัญซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่จะต้องไม่มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม พร้อมเผยว่า แม้จะเกรงกลัวเสียงกลุ่มผู้สนับสนุน พิธา แต่จำเป็นต้องปกป้องประเทศ   

“มีสื่อมาถามผมว่าไม่กลัวเสียงประชาชนที่สนับสนุนนายพิธา นอกสภาฯ หรือ? ก็ต้องตอบว่ากลัวมาก กลัวว่าจะเข้าใจผิดว่า ส.ว.ไม่ให้ความเคารพเกรงใจเสียงประชาชน แต่ด้วยความเกรงกลัวเหล่านั้น เราก็คำนึงถึงการทำหน้าที่เพื่อรักษาปกป้องประเทศ สถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้น ความกลัวที่เกิดขึ้นทั้งประชาชน เสียงข่มขู่ให้ร้าย พูดจาด่าทอเสียดสีสารพัด แต่กลัวน้อยกว่าความรู้สึกสำคัญที่จะต้องออกมาปกป้องประเทศ และเป็นคนละส่วนของการทำหน้าที่ในสภาฯ รวมถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา” เสรี กล่าว 

เสรี กล่าวต่อว่า 14 ล้านเสียง ที่พรรคก้าวไกลได้มา รวมกับอีก 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้ประมาณ 30 ล้านเสียง ดังนั้น พรรคก้าวไกลอย่าสำคัญผิดว่าได้ 30 ล้านเสียง เสียงที่เหลือเป็นของพรรคอื่น และ ส.ส.ในส่วนของพรรคก้าวไกล เอาเสียงประชาชนมารวมกันเองเพื่อยกให้ พิธา ยืนยันว่า ส.ว.เคารพเสียงประชาชน แต่เสียงที่ไปได้มามันไม่ได้ตามเจตนารมย์ของประชาชนที่เลือกพรรคนั้นๆ มิเช่นนั้นจะหาว่า ส.ว.ไม่เคารพนับถือประชาชน 

เสรี กล่าวอีกว่า แม้หาก พิธา ลุกขึ้นมาพูดว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 แล้ว แต่ตนไม่เชื่อ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมาตลอดยาวนาน จะมาพูดแค่คำคำเดียว เพื่อต้องการเป็นนายกฯ ตนคิดว่าเป็นการหลอกลวง เมื่อวานเป็นแบบนี้ วันนี้เป็นอย่างนี้ ทั้งนี้ หากท่านได้เสียงสนับสนุนจนกระทั่งได้เป็นนายกฯ ตนก็ยินดี แต่ถ้าหากเสียงไม่ถึง ท่านต้องไม่แสดงการกระทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะปลุกม็อบ เรียกร้องให้คนในประเทศมาสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แต่ถ้าหากสิ่งนี้เกิดขึ้น บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย มันก็เกิดจากที่พวกท่านไปยุยงส่งเสริมให้กระทำผิดกฎหมาย 

“การที่พรรคก้าวไกลได้ 14 ล้านเสียง อย่าสำคัญผิดว่าได้ 30 เสียงล้านเสียง เพราะเสียงที่เหลือเป็นของพรรคอื่นที่ประชาชนลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทยก็ได้ 10 ล้านเสียง ที่ไม่เลือกนายพิธา เป็นนายกฯ” เสรี กล่าว 

เสรี กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ของ พิธา ที่มีประชาชนมาแสดงความยินดีเรียก "ท่านนายกฯ พิธา, นายกฯ คนที่ 30" ถือเป็นความต้องการประชาชน แต่เราอยู่ในกระบวนการตรวจคุณสมบัติความประพฤติ ตนไม่อยากเห็นภาพ พิธา ลงพื้นที่แล้วมีประชาชาก้มกราบ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เป็นนายกฯ พร้อมถามว่าเกิดจากการที่ประชาชนอยากกราบจริงๆ หรือเป็นการสร้างภาพและจ้างมา   

“ขอฝากคนที่เชียร์ท่านมาก รวมถึงคนทั้วประเทศ จะเลือกคนที่อาจมีคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญ กระทำการแก้ไขมาตรา 112 ให้เป็นนายกฯ หรือ ขอให้ช่วยกันคิด ช่วยกันพิจารณาและให้เหตุผล หูตาสว่าง จะได้ไม่เกิดความรุนแรงหรือสิ่งใดขึ้น ตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ บริหารประเทศ” เสรี กล่าว 

ด้าน พิธา ได้ลุกขึ้นชี้แจง โดยแสดงความเห็นด้วยว่า การลงพื้นที่แล้วมีประชาชนมากราบเท้านั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ตนก็พยายามกราบเท้าประชาชน เพราะคิดว่าคนเท่ากัน พร้อมตอบโต้ประเด็นที่ถูกพาดพิงถึงการยุยงปลุกปั่นเยาวชน โดยระบุว่า เยาวชนคนหนุ่มสาวสมัยใหม่ปลุกปั่นไม่ได้ เพราะมีความคิดเป็นของตัวเอง เข้าถึงข้อมูลได้เยอะกว่าคนรุ่นเรา ก่อนถามกลับว่า หากยุยงปลุกปั่นได้ด้วยข้อความด้วยการชักจูง ตนว่าค่านิยม 12 ประการ ที่เคยมีมาคงทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าไม่มีการปลุกปั่นยุยง เพราะเขาปลุกปั่นไม่ได้ ส่วนการใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวนั้น พิธา อ้างไปถึงการช่วยเหลือในทางคดีแก่กลุ่มชาติพันธุ์ หรือผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนพื้นป่า ซึ่ง ส.ส.พรรคก้าวไกล มีหน้าที่ทำให้เกิดเสรีภาพในการแสดงออก มีสิทธิในการเข้าถึงทนาย และสิทธิในการสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ไว้ก่อน ถ้ายังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุด 

ด้าน เสรี โต้กลับโดยอ้างถึงหลักฐานเป็นคลิประบุชัดเจนที่เด็กพูดเองว่า มีพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง แต่ พิธา ยืนยันว่าในเรื่องคลิปต่างๆ มีเฟกนิวส์ ใครจะทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีการตรวจสอบ จะพูดอะไรต้องพิสูจน์ก่อน ต้องมีวุฒิภาวะการตรวจสอบ แต่ เสรี ยืนยันว่า ที่ผ่านมาอยู่ในสายตาท่านมาตลอด ไม่ใช่เฟกนิวส์ เป็นเรื่องจริง  

ขณะที่ สมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปรายว่า ขณะนี้มีกองทัพอวตาร 'แก้ว 3 ประการ' ในโซเชียลฯ พยายามมากดดัน-บูลลี่ ส.ว.ให้เลือกตามมติเสียงข้างมาก แม้จะมี ส.ว.บางส่วนขอปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ก็ยังการขู่-บูลลี่ไม่ให้ปิดสวิตช์ ซึ่งไม่ขอพูดถึงวิชามารที่มีทุกรูปแบบ แต่ยืนยัน ส.ว.ทั้งหมด มีสิทธิทำหน้าที่เท่าเทียม ส.ส.ทุกประการ ทุกคนทำหน้าที่อย่างสุจริต ไม่มีอคติ หรืออามิสสินจ้าง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีการใช้มวลชนบนท้องถนน และกองทัพอวตารในโซเชียลฯ โจมตี ส.ว. แต่ตนจะทำหน้าที่ด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อมั่นว่า ส.ว.ทุกคน เคารพเสียงเลือกตั้งที่เห็นด้วยกับทุกพรรคการเมือง ก่อนระบุไม่ว่า พิธา จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ ขอให้เลิกอ้างเสียงข้างมากมากดดัน เพราะผิดหลักประชาธิปไตย เป็นอนาธิปไตย  

“ต้องเลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง แล้วบังคับคนทั้งประเทศว่าต้องเห็นด้วย แบบนั้นผิดหลักประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ เรากำลังเข้าสู่การเมืองที่เราอยากเห็นประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เราอยากเห็นความสงบ วันนี้ เราเดินเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตยแล้ว อย่าใช้สังคมกดทับ อย่าใช้ประชาธิปไตยแบบฟุ่มเฟือย หรือเลือกพวกข้าเท่านั้นที่ถูก เลือกพวกเอ็งผิด แบบนั้น ไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าเลือกทางเดินแบบสุดโต่ง สร้างลัทธิสุดโต่งครอบงำเยาวชน ผมในฐานะสมาชิกรัฐสภา พิจารณาแล้วเห็นว่านายพิธา ยังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ” สมชาย กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์