ย้อนสัมพันธ์ ‘เฮียชู-ป๋าเสรี’ ยุทธจักร ‘นักแฉ-สายบู๊’ สเปค ‘เสรีรวมไทย’

16 พ.ย. 2565 - 04:49

  • ย้อนสัมพันธ์ ‘เฮียชู-ป๋าเสรี’ โลดแล่นยุทธจักร ‘นักแฉ-สายบู๊’ เข้าสเปค ‘พรรคเสรีรวมไทย’ จับคู่ดูโอ้ ‘เฮียชู-ป๋าเสรี’ ในวันที่มี ‘โจทก์ร่วม’ ผลพวงชำแหละ ‘ทุนจีนสีเทา’ จับตาอนาคตการเมือง

Sereepisuth-Chuwit-Relationship-SPACEBAR-Main
ถือเป็น ‘มวยถูกคู่’ ระหว่าง ‘เฮียชู’ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับ ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ ที่หวิดวางมวยกันหน้า สน.ทองหล่อ หลังแต่ละฝ่ายต่างออกมา ‘แฉกันเอง’ เข้าสำนวนที่ว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ยื่นเรื่องร้องเรียน ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่เป็นขุนพลหลักในการเคลียร์คดี ‘กลุ่มทุนจีนสีนเท่า’ ในฝั่งตำรวจทาง ‘บิ๊กเด่น’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งรวรวมพยานหลักฐาน 14 พ.ย. นี้ ทั้งนี้ต้องจับตาว่าจะมีการ ‘ออกหมายจับ’ หรือไม่ด้วย และจะสาวไปถึง ‘บิ๊กเนม’ ระดับไหนด้วย

แต่ที่น่าสนใจคือ ‘ชูวิทย์’ ไปออกรายการ และได้ต่อสายตรงถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.เสรีรวมไทย ในฐานะอดีต ผบ.ตร. ผ่านการเรียกว่า ‘พี่เสรี’ โดย ‘ชูวิทย์’ ได้โทรหาชนิดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพื่อตอกย้ำว่าตนโทรหาตำรวจได้ แต่ ‘คู่ปรับ’ โทรหาตำรวจคนไหนก็ไม่รับ ซึ่ง ‘ชูวิทย์’ ได้ชม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าเป็นตำรวจน้ำดี-ไม่มีแผล ผิดกับอีกคนที่ถูกให้ออกจากราชการ

สำหรับ ‘ชูวิทย์-เสรีพิศุทธ์’ ก็รู้จักมักคุ้นกันมานาน ตั้งแต่ ‘ชูวิทย์’ ยังเป็น ‘เจ้าพ่อเอนเตอร์เทนเมนต์’ ส่วน ‘เสรีพิศุทธ์’ เติบโตในวงการ ตร.

โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ในยุครัฐบาล ‘บิ๊กแอ้ด’ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่อมาในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โดนให้ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ ‘บิ๊กป๊อด’ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่รักษาราชการแทน จากนั้น ‘สมัคร’ ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการไว้ก่อน และแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แทน จากนั้นในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สั่งให้ยุติการสอบสวน และยกเลิกคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เกษียณฯ จาก ตร. เป็นช่วงเวลาที่ ‘ชูวิทย์’ กำลังตั้ง ‘พรรรครักประเทศไทย’ ขึ้นมาพอดี นำมาสู่การที่ ‘ชูวิทย์’ ได้เป็น ส.ส. สมัยแรก สร้างตำนาน ‘นักแฉกลางสภา’ ผ่านแคมเปญเลือก ‘ชูวิทย์’ ไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ ในสภาฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

สำหรับ ‘ชูวิทย์’ ไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่ แต่โลดแล่นในสนามการเมืองนานแล้ว ในนาม ‘พรรคต้นตระกูลไทย’ จากนั้นลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 3 กว่า 3 แสนคะแนน เมื่อปี 2547 ถือว่ามาแรงม่ากในยุคนั้น ทำให้ ‘ชูวิทย์’ โด่งดัง ก่อนมาจับมือทำการเมืองกับ ‘พรรคชาติไทย’ แต่สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป ด้วยความสัมพันธ์ที่ ‘ลุ่มๆ ดอนๆ’ เป็นระยะ มีเรื่องฟ้องหมิ่นประมาทกับ ‘บรรหาร ศิลปอาชา’ หัวหน้าพรรค ในยุคนั้น ต่อมา ‘ชูวิทย์’ กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง หลังลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ในปี 2551 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ก่อนมาตั้งพรรค ‘สู้เพื่อไทย’ และจบที่ ‘พรรครักประเทศไทย’ ในปี 2553 นั่นเอง

ในฝั่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชีวิตหลังเกษียณฯ ได้ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ปี 2556 ในนามกลุ่มพลังกรุงเทพ โดย ได้รับคะแนน 1.66 แสนคะแนน มาเป็นอันดับ 3 ต่อจากพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค นั่นคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะหวนคืนสนามการเมืองในนามพรรคเสรีรวมไทย ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก สร้างผลงานซัด ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ชนิดที่ ทำให้ ‘บิ๊กตู่’ ลั่นวาจา ‘ตัดพี่ตัดน้อง’ กลางสภามาแล้ว โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็น ตท.8 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จบ ตท.12

การออกมาของ ‘ชูวิทย์’ ครั้งนี้ ในการ ‘แฉทุนจีนสีเทา’ ทำให้กระแส ‘ชูวิทย์’ กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทั้ง ‘ชูวิทย์-เสรีพิศุทธ์’ ต่างมีบุคลิกเป็น ‘นักแฉ-สายบู๊’ ที่ไม่กลัวใครเหมือนกัน จึงต้องจับตาว่า ‘ชูวิทย์’ จะหวนคืนสู่สนามการเมืองหรือไม่ ซึ่ง ‘เคมี’ ของ ‘เฮียชูสายบู๊’ ก็ดูแล้วไปได้กับ ‘พรรคเสรีรวมไทย’ ด้วย เรียกว่าการที่ ‘เฮียชู’ โทรหา ‘ป๋าเสรี’ สะเทือน ‘วงการเมือง’ ไม่น้อย หากทั้งคู่จับมือกันทำการเมืองในอนาคต เพราะต่างมี ‘ฐานเอฟซี’ ของตัวเอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์