สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ อ้างว่า อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจถึงทิศทางทางการเมืองของกลุ่มสามมิตร
“ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เราต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจ การเมืองจะเอาเรื่องของความรักความชอบไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องดูให้ครบถ้วน ตนเคยบอกว่าช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้ข้อมูลมันเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว จึงทำให้ต้องดูข้อมูลกันใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์กับประเทศสูงสุด” สมศักดิ์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะระบุว่า กลุ่มสามมิตรยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
“ตนไม่ตอบ เพราะได้ตอบไปแล้ว ถ้าเอาไปวิเคราะห์กันก็จะวิเคราะห์ออก มันเป็นเรื่องข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จึงต้องว่ากันด้วยข้อมูลใหม่ จะไปพูดกันว่าเราชอบไม่ชอบ รักไม่รัก แล้วตัดสินใจไปร่วมหัวจมท้าย ทางการเมืองมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องของข้อมูลและความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นเข้ามาด้วย ขณะนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่หมดแล้ว จึงต้องล้างเมมโมรี่เก่าออกให้หมด และทำใจให้นิ่ง แล้วคิดต่อไปว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป” สมศักดิ์ ระบุ
เมื่อถามว่า จะยึดเอากระแสประชาชนเป็นหลักใช่หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ และได้พูดไปชัดเจนแล้ว ส่วนเมื่อถามว่าปัจจัยที่จะต้องทำให้คิดใหม่คือเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็เรื่องของการเมืองทั้งหมด เราบูรณาการ เราจะไม่เน้นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยภาพรวมทั้งหมดเราจะต้องวิเคราะห์ ให้ถึงแก่นแกนของปัญหา และการที่จะก้าวเดินต่อไป ซึ่งการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันต้องมีข้อมูลให้ครบ”
เมื่อถามว่าจังหวะเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “มันกำหนดเวลาไม่ได้ เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างที่จะต้องดู การเมืองทั้งหมด” ส่วนคำถามที่ว่า หากนายกฯ มีความชัดเจน ทางกลุ่มสามมิตรก็จะมีความชัดเจนตามใช่หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็ไม่ถึงอย่างนั้น” ส่วนเมื่อถามว่า มีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่มสามมิตร จะพลิกขั้วไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย สมศักดิ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิด ไม่ได้คิดไปทางนั้นเลย” พร้อมปฏิเสธให้คำยืนยันชัดเจนว่าจะยังอยู่กับทางฝั่งปัจจุบันหรือไม่
ส่วนคำถามที่ถามว่า ตอนนี้พูดได้หรือไม่ว่าสามารถทำงานร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส ได้หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้พูดอะไร มันเป็นข้อมูล การเมืองเอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เพราะถ้าข้อมูลพร้อมก็ตัดสินใจไม่ยาก”
ด้าน สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็ปฏิเสธให้ความเห็นถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าไปลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมไปถึงการเตรียมแผนหากจะมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ โดยยืนยัน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ถึงกระแสข่าวลือดังกล่าวเช่นกัน แต่ย้ำว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ยืนยันจะอยู่ช่วย พล.อ.ประวิตร ต่อไป แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในนามส่วนตัวยืนยันเหมือนกันหรือไม่ ปรากฏว่า สันติ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่ยิ้ม ก่อนเดินเข้าห้องประชุม ครม.
“ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เราต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจ การเมืองจะเอาเรื่องของความรักความชอบไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องดูให้ครบถ้วน ตนเคยบอกว่าช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้ข้อมูลมันเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว จึงทำให้ต้องดูข้อมูลกันใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์กับประเทศสูงสุด” สมศักดิ์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะระบุว่า กลุ่มสามมิตรยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
“ตนไม่ตอบ เพราะได้ตอบไปแล้ว ถ้าเอาไปวิเคราะห์กันก็จะวิเคราะห์ออก มันเป็นเรื่องข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จึงต้องว่ากันด้วยข้อมูลใหม่ จะไปพูดกันว่าเราชอบไม่ชอบ รักไม่รัก แล้วตัดสินใจไปร่วมหัวจมท้าย ทางการเมืองมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องของข้อมูลและความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นเข้ามาด้วย ขณะนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่หมดแล้ว จึงต้องล้างเมมโมรี่เก่าออกให้หมด และทำใจให้นิ่ง แล้วคิดต่อไปว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป” สมศักดิ์ ระบุ
เมื่อถามว่า จะยึดเอากระแสประชาชนเป็นหลักใช่หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ และได้พูดไปชัดเจนแล้ว ส่วนเมื่อถามว่าปัจจัยที่จะต้องทำให้คิดใหม่คือเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็เรื่องของการเมืองทั้งหมด เราบูรณาการ เราจะไม่เน้นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยภาพรวมทั้งหมดเราจะต้องวิเคราะห์ ให้ถึงแก่นแกนของปัญหา และการที่จะก้าวเดินต่อไป ซึ่งการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันต้องมีข้อมูลให้ครบ”
เมื่อถามว่าจังหวะเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “มันกำหนดเวลาไม่ได้ เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างที่จะต้องดู การเมืองทั้งหมด” ส่วนคำถามที่ว่า หากนายกฯ มีความชัดเจน ทางกลุ่มสามมิตรก็จะมีความชัดเจนตามใช่หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็ไม่ถึงอย่างนั้น” ส่วนเมื่อถามว่า มีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่มสามมิตร จะพลิกขั้วไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย สมศักดิ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิด ไม่ได้คิดไปทางนั้นเลย” พร้อมปฏิเสธให้คำยืนยันชัดเจนว่าจะยังอยู่กับทางฝั่งปัจจุบันหรือไม่
ส่วนคำถามที่ถามว่า ตอนนี้พูดได้หรือไม่ว่าสามารถทำงานร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส ได้หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้พูดอะไร มันเป็นข้อมูล การเมืองเอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เพราะถ้าข้อมูลพร้อมก็ตัดสินใจไม่ยาก”
ด้าน สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็ปฏิเสธให้ความเห็นถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าไปลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมไปถึงการเตรียมแผนหากจะมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ โดยยืนยัน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ถึงกระแสข่าวลือดังกล่าวเช่นกัน แต่ย้ำว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ยืนยันจะอยู่ช่วย พล.อ.ประวิตร ต่อไป แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในนามส่วนตัวยืนยันเหมือนกันหรือไม่ ปรากฏว่า สันติ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่ยิ้ม ก่อนเดินเข้าห้องประชุม ครม.
