‘เศรษฐา’ จังหวะ ‘สามช่า’ รับไม้ต่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ กรำศึก ‘สายน้ำผึ้ง’

1 มี.ค. 2566 - 10:47

  • ก้าวย่าง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ หมดเวลาจังหวะ ‘สามช่า’ รับไม้ต่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลงสนามหาเสียง ชูธง ‘นักธุรกิจ’ เจาะฐาน ‘เขตเมือง’ โจทย์ยาก ‘เพื่อไทย’ ชื่อ ‘เศรษฐา’ ไม่ใช่ ‘แบรนด์ชินวัตร’ พร้อมกรำ ‘ศึกสายน้ำผึ้ง’ ครั้งใหม่ ‘บ้านแจ้งวัฒนะ-บ้านจันทร์ส่องหล้า’ จับตา ‘คลื่นใต้น้ำ’ ภายในพรรค วัดพลัง ‘เศรษฐา’

Srettha-Thavisin-Pheuthai-Party-Advisor-Paethongtan-SPACEBAR-Thumbnail
ภายหลัง ‘เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน’ บิ๊กบอสแสนสิริ ประกาศตัวสนับสนุน ‘พรรคเพื่อไทย’ พร้อมกับสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ และเปิดตัวลงพื้นที่กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่เยาวราช ล่าสุดพรรคเพื่อไทยได้ตั้งให้ ‘เศรษฐา’ ขึ้นเป็น ปธ.ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่มี ‘ลำดับศักดิ์’ เทียบคู่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เพื่อมาช่วยรับภารกิจลงพื้นที่หาเสียง เพราะ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตั้งครรภ์ ใกล้เข้าสู่เดือนที่ 8-9 แล้ว ทำให้มีข้อจำกัดในการลงพื้นที่และการเดินทาง  

จึงเป็นหน้าที่ของ ‘เศรษฐา’ ที่จะต้องมา ‘รับไม้ต่อ’ ในส่วนนี้ แม้เจ้าตัวจะยังมีท่าที ‘แทงกั๊ก’ เมื่อถูกจี้ถามเรื่องการเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ซึ่งช่วง 1 เดือนทีผ่านมา ‘เศรษฐา’ หลังจากลงพื้นที่เยาวราช ก็แทบไม่ได้มาร่วมกิจกรรมพรรค อีกทั้งยังไม่เคยลงพื้นที่ต่างจังหวัดกับพรรค หลังเคยยกเลิกการร่วมลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เมื่อ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ติดภารกิจเตะฟุตบอลที่โปโลคลับและเป็นเจ้าภาพงานศพ 

ก้าวย่างของ ‘เศรษฐา’ จึงเป็น ‘จังหวะสามช่า’ ที่ย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับด้วย ‘เงื่อนไขทางเวลา’ ทำให้ ‘เศรษฐา’ ต้องลงมาสู่สนามการเมืองมากขึ้น ไม่สามารถ ‘รอเวลา’ เพื่อเป็น ‘เทพบุตรขี่ม้าขาว’ กระโดดสู่สนามเฉกเช่นยุค ‘นารีขี่ม้าขาว’ สมัยที่ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ กระโดดสู่สนามเลือกตั้ง ใช้เวลาเพียง 49 วัน ขึ้นเป็น นายกฯ หญิงคนแรกของประเทศ 

ในช่วงปลายสัปดาห์นี้พรรคเพื่อไทยมีกำหนดการลงพื้นที่ ‘ภาคอีสานตอนล่าง’ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ โดย ‘เศรษฐา’ ก็ตอบรับว่าพร้อมลงพื้นที่ แต่สิ่งที่เป็น ‘โจทย์ยาก’ ของพรรคเพื่อไทย คือ จะชี้แจงคนในพื้นที่ให้รู้จัก ‘เศรษฐา’ อย่างไร เพราะไม่ได้เป็นคนใน ‘ตระกูลชินวัตร’ เฉกเช่น ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่หาเสียงได้ง่ายกว่า อีกทั้ง ‘เศรษฐา’ ก็ยอมรับว่า ส่วนตัวทำธุรกิจมา ก็อยู่แค่ใน ‘เมืองหลวง’ อย่างเดียว และการลงพื้นที่จะต้องมี ‘ความเป็นตัวตน’ ของตัวเอง และทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด 

สิ่งเหล่านี้สะท้อนตัวตน ‘ความเป็นเศรษฐา’ จึงต้องจับตาว่าพรรค จะปรับรูปแบบการ ‘ลงพื้นที่’ อย่างไร ในรูปแบบ ‘เศรษฐาสไตล์’ ที่มีบุคลิก ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’ คนหนึ่ง อีกทั้งชื่อของ ‘เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แต่งานนี้มองกันว่าพรรคเพื่อไทย ต้องการเอาชื่อ ‘เศรษฐา’ มาเจาะพื้นที่ ‘กรุงเทพฯ-เขตเมือง’ ฉายภาพความเป็น ‘นักธุรกิจ-นักบริหาร’ ส่วนชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็ขาย ‘แบรนด์ชินวัตร’ ในพื้นที่ต่างจังหวัด 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ คือ ‘ศึกสายน้ำผึ้ง’ ระหว่าง 2 บ้าน ‘บ้านแจ้ง-บ้านจันทร์’ โดยฝั่ง ‘บ้านแจ้งวัฒนะ’ คือสาย ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ที่ใกล้ชิดกับ ‘เศรษฐา’ มาตั้งแต่เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาด้วยกัน ส่วน ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ คือ สายของ ‘คุณหญิงอ้อ’ พจมาน ดามาพงศ์ กับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ส่งคนในสายเลือด ‘อุ๊งอิ๊ง’ มานั่นเอง การต่อสู้ของ ‘บ้านแจ้ง-บ้านจันทร์’ ส่งผลต่อ ‘ขั้วอำนาจ’ ในภายในพรรคด้วย การขึ้นมาของ ‘เศรษฐา’ ต้องติดตามต่อไปว่า จะได้รับ ‘การยอมรับ’ จากลูกพรรคแค่ไหน รวมทั้งจะมี ‘คลื่นใต้น้ำ’ ตามมาหรือไม่ ซึ่งภายในพรรคเพื่อไทย สิ่งเดียวที่จะเอาอยู่คือ ‘คนตระกูลชินวัตร’ เท่านั้น 

อย่าลืมว่า ‘พรรคเพื่อไทย’ คือ ‘กงสีชินวัตร’ และสุดท้าย ‘เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ’ มรดกชิ้นนี้ต้องตกอยู่ใน ‘มือลูกหลาน’ มากกว่า ‘คนนอก’ และเป็นสิ่งที่เดียวที่จะสยบ ‘คลื่นใต้น้ำ’ และหลอมรวมคนในพรรคได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์