การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยในช่วงหนึ่งพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นหารือต่อที่ประชุมกรณีที่ ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ขึ้นกล่าวปราศรัยพาดพิงไปถึงตัวเองว่า “ไอ้โง่” ในงานเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ในวันดังกล่าวมีรองประธานสภาฯ บางคน ไปทำความเสื่อมเสีย ทำให้เกียรติภูมิสภาฯ เสื่อมเสีย การที่บุคคลดังกล่าวให้สรรพนามเรียกสมาชิกว่าเป็นคนโง่ คำว่าโง่บัญญัติในพจนานุกรมว่าโง่ มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ด้าน ชวน ชี้แจงว่า ตนเห็นข่าวจากทางสื่อ ถือเป็นเรื่องภายนอกสภาฯ ความจริงไม่ได้เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็มีไปพูดในลักษณะลดความสำคัญของพรรคอื่น คนอื่น ดังนั้นถ้าอยู่ข้างในสภาฯ ก็ดำเนินการตามหน้าที่ แต่ถ้าอยู่ข้างนอกก็ว่ากันไปตามสิทธิแต่ละฝ่าย แต่ถ้านำเรื่องภายนอกเข้ามาโดยใช้เวลาในสภาฯ จะเสียเวลา ไม่ถูกแนวทางที่จะปฏิบัติ
“บุคคลที่ท่านกล่าวถึงไม่เอ่ยชื่อ ก็คือ ศุภชัย ที่เป็นรองประธานสภาฯ ผมคิดว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทำให้มีภาระหน้าที่มากกว่า ส.ส. การประพฤติปฏิบัติต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ แต่ผมก็เปิดโอกาสให้ชี้แจง ทราบว่าศุภชัยก็อยากขอหารือด้วยเช่นกัน ผมจึงถามว่าหารือเรื่องอะไร ศุภชัยจึงแจ้งว่าอยากจะขออภัย แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องภายนอก แต่ถ้าจะทำก็ทำได้ แต่ผมเห็นว่าไม่ควรเอาข้อเท็จจริงมาวิจารณ์ในนี้ เพราะจะไม่จบสิ้น ทำให้ทำงานไม่ได้” ประธานสภาฯ กล่าว
พัฒนา จึงพยายามชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ตนเสียหายมาก จริงๆ แล้วตนก็ไม่ได้โกรธศุภชัยเป็นการส่วนตัว แต่เรื่องนี้ที่เป็นประธานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ วันนี้ถ้าใครไปด่าคนอื่น แล้วมาขอโทษ ขอถอนคำพูดแล้วมันจบ ไม่อย่างนั้นสภาฯ แห่งนี้ก็คงด่ากันทุกวัน จึงอยากให้เป็นแบบอย่างต่อสภาฯ แห่งนี้ ซึ่งเมื่อเช้ารองประธานสภาฯ ก็โทรหาตนแล้ว เป็นพี่น้องกัน ยอมรับผิด ตนให้อภัย และจะไม่ฟ้องหมิ่นประมาทกลับในฐานะคนไทยด้วยกัน
ทั้งนี้ พัฒนา พยายามพูดถึงเรื่องข้อกฎหมายฟ้องหมิ่นประมาท แต่ ชวน เห็นว่า อะไรที่ผิดจริยธรรม หมิ่นประมาท ก็ดำเนินการตามกฎหมาย ตนให้โอกาสเท่าที่เหมาะสม ขอให้พัฒนาพอแล้ว แต่ พัฒนาพยายามจะพูดต่อ ทำให้ชวนกดปิดไมค์
ด้าน ศุภชัย กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งตนอาจจะเพลินไปหน่อย ท่ามกลางบรรยากาศประชาชนมากมาย ยืนยันกับประธาน และสมาชิกว่า คำพูดที่สมาชิกพูดถึงนั้นตนได้พูดจริง แต่ไม่ได้หมายถึงการกล่าวหาพี่น้องประชาชาจังหวัดสกลนครว่าโง่ อยากให้ไปเปิดคลิปดูใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในวันนั้นตนปราศรัยในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ปราศรัยในฐานะเป็น ส.ส. หรือรองประธานสภาฯ
“เมื่อตัวผมพูดออกไปแล้ว พลาดพลั้งไปแล้ว หรือผิดไปแล้ว ผมยอมรับกับประธาน และสมาชิกทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ผมขอกราบขออภัยที่ผมขึ้นมา และขอโทษเพื่อนๆ” ศุภชัย กล่าวพร้อมยกมือพนมขอโทษ และพูดด้วยว่า “ขอกราบขอโทษครับ”
ทั้งนี้มีสมาชิกพยายามจะลุกขึ้นพูดต่อ แต่ ชวน ไม่อนุญาตให้พูด พร้อมชี้แจงว่า ให้โอกาสมาพอสมควรแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องภายนอก แต่เมื่อนำเข้ามาใช้ในที่นี้ มันจะกินเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นถ้ามีอะไรผิดปกติภายนอกก็จัดการได้เลยตามกฎหมาย จากนั้นจึงได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อ
ด้าน ชวน ชี้แจงว่า ตนเห็นข่าวจากทางสื่อ ถือเป็นเรื่องภายนอกสภาฯ ความจริงไม่ได้เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็มีไปพูดในลักษณะลดความสำคัญของพรรคอื่น คนอื่น ดังนั้นถ้าอยู่ข้างในสภาฯ ก็ดำเนินการตามหน้าที่ แต่ถ้าอยู่ข้างนอกก็ว่ากันไปตามสิทธิแต่ละฝ่าย แต่ถ้านำเรื่องภายนอกเข้ามาโดยใช้เวลาในสภาฯ จะเสียเวลา ไม่ถูกแนวทางที่จะปฏิบัติ
“บุคคลที่ท่านกล่าวถึงไม่เอ่ยชื่อ ก็คือ ศุภชัย ที่เป็นรองประธานสภาฯ ผมคิดว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทำให้มีภาระหน้าที่มากกว่า ส.ส. การประพฤติปฏิบัติต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ แต่ผมก็เปิดโอกาสให้ชี้แจง ทราบว่าศุภชัยก็อยากขอหารือด้วยเช่นกัน ผมจึงถามว่าหารือเรื่องอะไร ศุภชัยจึงแจ้งว่าอยากจะขออภัย แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องภายนอก แต่ถ้าจะทำก็ทำได้ แต่ผมเห็นว่าไม่ควรเอาข้อเท็จจริงมาวิจารณ์ในนี้ เพราะจะไม่จบสิ้น ทำให้ทำงานไม่ได้” ประธานสภาฯ กล่าว
พัฒนา จึงพยายามชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ตนเสียหายมาก จริงๆ แล้วตนก็ไม่ได้โกรธศุภชัยเป็นการส่วนตัว แต่เรื่องนี้ที่เป็นประธานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ วันนี้ถ้าใครไปด่าคนอื่น แล้วมาขอโทษ ขอถอนคำพูดแล้วมันจบ ไม่อย่างนั้นสภาฯ แห่งนี้ก็คงด่ากันทุกวัน จึงอยากให้เป็นแบบอย่างต่อสภาฯ แห่งนี้ ซึ่งเมื่อเช้ารองประธานสภาฯ ก็โทรหาตนแล้ว เป็นพี่น้องกัน ยอมรับผิด ตนให้อภัย และจะไม่ฟ้องหมิ่นประมาทกลับในฐานะคนไทยด้วยกัน
ทั้งนี้ พัฒนา พยายามพูดถึงเรื่องข้อกฎหมายฟ้องหมิ่นประมาท แต่ ชวน เห็นว่า อะไรที่ผิดจริยธรรม หมิ่นประมาท ก็ดำเนินการตามกฎหมาย ตนให้โอกาสเท่าที่เหมาะสม ขอให้พัฒนาพอแล้ว แต่ พัฒนาพยายามจะพูดต่อ ทำให้ชวนกดปิดไมค์
ด้าน ศุภชัย กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งตนอาจจะเพลินไปหน่อย ท่ามกลางบรรยากาศประชาชนมากมาย ยืนยันกับประธาน และสมาชิกว่า คำพูดที่สมาชิกพูดถึงนั้นตนได้พูดจริง แต่ไม่ได้หมายถึงการกล่าวหาพี่น้องประชาชาจังหวัดสกลนครว่าโง่ อยากให้ไปเปิดคลิปดูใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในวันนั้นตนปราศรัยในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ปราศรัยในฐานะเป็น ส.ส. หรือรองประธานสภาฯ
“เมื่อตัวผมพูดออกไปแล้ว พลาดพลั้งไปแล้ว หรือผิดไปแล้ว ผมยอมรับกับประธาน และสมาชิกทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ผมขอกราบขออภัยที่ผมขึ้นมา และขอโทษเพื่อนๆ” ศุภชัย กล่าวพร้อมยกมือพนมขอโทษ และพูดด้วยว่า “ขอกราบขอโทษครับ”
ทั้งนี้มีสมาชิกพยายามจะลุกขึ้นพูดต่อ แต่ ชวน ไม่อนุญาตให้พูด พร้อมชี้แจงว่า ให้โอกาสมาพอสมควรแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องภายนอก แต่เมื่อนำเข้ามาใช้ในที่นี้ มันจะกินเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นถ้ามีอะไรผิดปกติภายนอกก็จัดการได้เลยตามกฎหมาย จากนั้นจึงได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อ
