รู้จัก ‘แพทองธาร ชินวัตร’ จากปากคำของเธอและคนในครอบครัว

แพทองธาร ชินวัตร คือใคร? คงไม่ต้องถาม 

เพราะชีวิตของเธอตกอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ ตั้งแต่คุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) ผันตัวจากนักธุรกิจวิสัยทัศน์ไกลมาเดินบนถนนการเมือง ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย จนขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย 

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ชีวิตของครอบครัว 'ชินวัตร' มีชะตากรรมผูกพันกับชื่อ 'ทักษิณ ชินวัตร' อย่างอย่างกันไม่ออก และไม่เคยหล่นหายไปจากความสนใจของสังคมไทย

เช่นเดียวกับชีวิตของแพทองธารวันนี้ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และหนึ่งในแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พ่อ” คือหนึ่งในเหตุผลและแรงบันดาลใจที่เธอตัดสินใจเข้าสู่การเมือง 

“เป็นเด็กติดพ่อ การเมืองเป็นสิ่งที่พ่อทำ ก็เลยทำให้เราอยากรู้ อยากเข้าใจ แล้วก็อยากที่จะเหมือนอยู่เคียงข้างคุณพ่อไปตลอด มันก็เลยรู้สึกนึกขึ้นมาว่าเราไม่ชอบการเมือง ไม่มี ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น”[1] 

ชีวิตของแพทองธารบนถนนสายนี้ในภายหน้าจะเป็นอย่างไร ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ หรือเธอจะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ 

แต่เท่าที่รู้ แพทองธารกำลังเลือกเดินบนหนทางที่ท้าทาย ทางที่ต้องพร้อมรับดอกไม้และก้อนหินจากทุกสารทิศ ด้วยการเป็นแคนดิเดตที่อายุน้อยที่สุดในการเลือกตั้ง พ.ศ.2566 

ความคิดทางการเมืองของเธอเป็นอย่างไร คงได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง และคงมีให้ฟังดาษดื่น แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แพทองธารคือใคร? 

การฟังจากปากเธอและคนในครอบครัว น่าจะเผยให้เห็นตัวตนบางด้านที่ไม่ปรากฏบนหน้าสื่อและเวทีดีเบตได้บ้าง 

• แพทองธารเป็นคนเจน Y เกิดวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2529 ปัจจุบันอายุ 36 ย่าง 37 ปี 
• คนมักเข้าใจว่า "อุ๊งอิ๊ง" เป็นชื่อเล่น แต่ชื่อเล่นของเธอจริงๆ คือ "อิ๊ง" 
• แพทองธารเคยพูดถึงชื่อเล่นของเธอว่า "ที่บ้านจะเรียกน้องอิ๊ง แต่คุณลุงที่ไปคุยกับนักข่าวเขาเรียกอุ๊งอิ๊ง นักข่าวก็เลยเรียกอิ๊งเป็นอุ๊งอิ๊งกันหมดเลย" 
• มีพี่น้องรวมเธอ 3 คน เป็นลูกสุดท้อง เป็นเด็กติดพ่อ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นลูกรักของพ่อเช่นกัน เรื่องนี้สะท้อนผ่านคำให้สัมภาษณ์ของเธอ ตอนเกลี้ยกล่อมพ่อไม่ให้กลับเมืองไทย หลังโดนรัฐประหาร เพราะไม่ปลอดภัย "ทุกคนคิดว่าอิ๊งจะเกลี้ยกล่อมพ่อได้ เป็นลูกรักไปคุย แต่ก็เล่นเอาเหนื่อย..." 
• ด้วยความเป็นลูกคนสุดท้อง เทียบกับพี่น้องอีกสองคน เธอจะ "เอาแต่ใจมากกว่าหน่อย" 
• แพทองธารมีใบหน้าเหมือนคุณพ่อ แต่นิสัยเหมือนแม่ "พ่อบอกว่าอิ๊งนิสัยเหมือนแม่ หน้าพ่อนิสัยแม่ ...มีความละเอียดอ่อนเหมือนแม่" 
• แพทองธารเรียนจบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่ความจริงตอนเอ็นทรานซ์เธอจิตวิทยาเป็นอันดับหนึ่ง 

“อิ๊งอยากเรียนจิตวิทยา เพราะรู้สึกว่าเป็นตัวเอง อิ๊งชอบคิด เรื่องความรู้สึก อยากเรียนรู้ว่าคนเราคิดยังไง ทำไมถึงตัดสินใจทำอย่างนั้น อิ๊งว่าทุกอย่างเกิดมาด้วยเหตุผล เพื่อนชอบมาปรึกษาเวลามีปัญหาต่างๆ ปัญหาหัวใจ ปัญหาครอบครัว” 

• หากมองเฉพาะมิติด้านครอบครัว เธออยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่ให้เวลา เอาใจใส่ พี่น้องรักกัน ทุกคนในครอบครัวสนิทกัน 

“บ้านเราค่อนข้างอบอุ่นมากเลย สนิทกันทุกคน คุณแม่จะดูแลเรื่องรายละเอียดเยอะหน่อย เรื่องชีวิตประจำวัน คือสอนเยอะ แล้วเราก็จะมีวันที่กำหนดไว้อย่างทุกๆ วันอาทิตย์ เราจะต้องมาทานข้าวด้วยกัน บางทีโตขึ้นมาหน่อย เราจะมีเพื่อนมีฝูงแต่ก็จะนัดกันว่าสัปดาห์หนึ่งมีสักมื้อหนึ่ง ที่จะนัดกินข้าวด้วยกัน ไม่ว่านอกบ้าน หรือในบ้านก็ตาม มีตลอด” 

• พูดถึงครอบครัว มีน้อยคนรู้ว่าเมื่อสืบย้อนสาแหรกต้นตระกูลขึ้นไป อุ๊งอิ๊งมีความเกี่ยวข้องในเชิงเครือญาติกับ ปรีดี พนมยงค์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 

โดยเชื่อมโยงระหว่างญาติฝ่ายแม่ในตระกูล ณ ป้อมเพชร์ ที่โยงใยผู้หญิงในเครือตระกูลกับบุคคลสำคัญทางการเมืองไทย และรัฐมนตรีไทย 3 คน คือ 

1. ปรีดี พนมยงค์ (สมรสกับคุณหญิงพูนศุข นามสกุลเดิม ณ ป้อมเพชร์) 
2. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (สมรสกับ พิมพ์เพ็ญ ศกุนตาภัย ซึ่งมียายเป็นคนตระกูล ณ     ป้อมเพชร์) 
3. ทักษิณ ชินวัตร (สมรสกับ พจมาน ดามาพงษ์ ที่มีแม่เป็นคนตระกูล ณ ป้อมเพชร) 

• ก่อนหน้าลงสนามการเมือง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แพทองธารมีข่าวอยู่บนหน้าสื่อน้อยมาก โดยมีข่าวที่เป็นกระแสในช่วงปี 61 และ 62 คือข่าวเปิดตัวแฟนหนุ่ม และข่าวงานแต่งงาน

• สามีของแพทองธารชื่อ ปิฎก สุขสวัสดิ์ อดีตนักบินสายการบินชื่อดัง ทั้งคู่รู้จักกันจากการเรียนโปรแกรมพิเศษหลักสูตรหนึ่ง ผ่านการแนะนำของเพื่อน ก่อนตัดสินใจแต่งงานหลังรู้จักกันได้ราว 2 ปี 
• ตอนที่แต่งงาน แพทองธารอายุ 32 ปี มีลูกคนแรก (ธิธาร สุขสวัสดิ์) ตอนอายุ 34 และมีลูกคนที่สอง (พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์) เมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนเลือกตั้งใหญ่ราว 2 สัปดาห์ 
• ปิฎก สุขสวัสดิ์ เป็นคนโลว์โปรไฟล์ ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นความตั้งใจของเขา “ผมไม่ชอบออกหน้าอยู่แล้ว ชอบอยู่เงียบๆ มากกว่า” [2] 
• ปิฎกเคยพูดถึงการหันเหมาทำงานการเมืองของภรรยาว่า "ผมเห็นได้ถึงความตั้งใจ และแพสชันทางการเมือง” 
• กลับมาที่เรื่องนิสัยใจคอ ปิฎกมองว่าอุ๊งอิ๊งเหมือนทั้งพ่อและแม่ในบางมุม “ถ้าเหมือนคุณพ่อที่สุดคือ ความจริงใจ ...สิ่งที่เหมือนคุณแม่ที่สุดคือ ความเด็ดขาด อิ๊งเป็นคนเด็ดขาดมากๆ ใครที่ทำงานด้วยจะรู้เลย อีกเรื่องคือความอดทน...” [3] 
• อีกราวสามเดือนกว่าๆ แพทองธารจะมีอายุครบ 37 ปี ในวันที่ 21 สิงหาคม ถ้านับอายุเฉลี่ยคนไทยตามรายงานของ UN [4] ที่คาดการณ์ในปี 2050 ว่าอยู่ที่ 82.3 ปี แพทองธารเดินทางมาแล้วเกือบครึ่งชีวิต 
• การเลือกเดินถนนสายการเมืองน่าจะเป็นหลักไมล์สำคัญ และกำหนดชีวิตอีกครึ่งที่เหลืออยู่ของแพทองธาร 
• หากมองด้วยสายตาของคนทั่วไป ชีวิตของแพทองธารหลังจากนี้คือการขึ้นบทใหม่ ฉากชีวิตของเธอจะต่างไปจากเดิม และคงยากที่จะถอยหลังหรือหันหลังกลับไป แต่ถ้ามองด้วยสายตาของโลกใบนี้ แพทองธารก็คงมีชีวิตไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีทุกข์สุข ดีใจเสียใจ วันที่รุ่งโรจน์และอับแสง และสิ่งที่เธอให้ความสำคัญอย่างที่สุดจะสร้างรอยยิ้มและนำ้ตาให้กับเธอมากที่สุดเช่นกัน 
• ถามว่าสิ่งนั้นคืออะไร คนนอกคงอยากจะล่วงรู้ แต่ถ้า ‘อ่าน’ บทสัมภาษณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” น่าจะเป็นคำตอบ 
• แพทองธารเคยเปิดใจผ่านหนังสือ คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก...พ่อ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2552 ถึงความรู้สึกในวันรับปริญญาว่า 

“รูปครอบครัวที่อิ๊งรับปริญญา อิ๊งเขียนข้างล่างไว้ว่า I'm everything I am because you love me. ถ้าอิ๊งไม่มีครอบครัวอิ๊งไม่มีทางมาได้ พูดจริงๆ ว่าทุกครั้งที่อิ๊งยืนได้ เพราะครอบครัวอิ๊งเข้มแข็งมาก”