พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประชุมร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ จัดทำประชามติที่เกี่ยวข้องกับเอกราชปาตานี ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา
พล.ต.ปราโมทย์ เปิดเผยว่า ภายหลังแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัด กิจกรรมเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งภายหลังที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีก็มีกระแสขึ้นมาในสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องของเครือข่ายนักวิชาการที่ออกมาให้ประเด็นว่า เป็นเรื่องของการจัดกิจกรรมในเชิงวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีหลายฝ่ายที่พยายามที่จะเสนอให้ใช้แนวทางตามหลักรัฐศาสตร์ กล่าวคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดความเชื่อ
แต่เรื่องของการดำเนินคดี บางท่านก็มองว่าเป็นเรื่องของการดำเนินการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า อาจจะเกี่ยวพันกับไทม์ไลน์ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ซึ่งจริงๆแล้วภายหลังเกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการประกาศมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อนำไปสู่การเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้กับพนักงานสอบสวน
กล่าวคือลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นเรื่องของคดีความมั่นคง เราไม่สามารถมองแค่เฉพาะภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าวได้ ต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงทางพฤติกรรมของบุคคล , กลุ่มองค์กร รวมทั้งเจตนาแอบแฝง หรือเจตนาพิเศษต่างๆ ว่ามันจะมีส่วนสัมพันธ์อย่างไร
เพราะฉะนั้นตามที่หลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นออกมาลักษณะของการจัดกิจกรรมในวันนั้น น่าจะเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ก็อาจจะใช่
แต่ถ้าเรามองในเจตนาหรือเจตนาพิเศษ ซึ่งเราก็มีการตรวจสอบความข้อเท็จจริงว่า มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่าเรายังคงยึดมั่นในหลักกฎหมายที่จะดำเนินตามพยานหลักฐาน พูดด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้สิ่งที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีขึ้นอยู่กับหนึ่งเจตนาหรือเจตนาพิเศษพฤติกรรม รวมทั้งในเรื่องของการพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้นในเรื่องของ แนวทางการดำเนินการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดที่กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีความมั่นคง
ล่าสุดทางแม่ทัพภาคที่ 4 มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นคณะทำงานด้านกฎหมาย รวมทั้งคณะที่ปรึกษาด้านต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มาประชุมหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการจัดทำสำนวนฟ้อง ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการเห็นพ้องต้องกันว่า แนวทางที่จะดำเนินการคดีจะต้องมีการวาดภาพให้เห็นภาพรวมให้ได้ก่อน
สื่อสังคมเห็นแค่ภาพการใช้ความรุนแรงของขบวนการบีอาร์เอ็น แต่จริงๆ แล้วอีกด้านหนึ่งที่สังคมอาจจะมองไม่เห็น คือในเรื่องของช่องทาง ทางความคิดการต่อสู้ทางการเมือง กล่าวคือผู้ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ทั้ง 5 ราย จะเป็นสมาชิกของกลุ่มขบวนการหรือไม่นั้น ซึ่งหลักฐานไปถึงใครเกี่ยวข้องความผิดฐานใด เราก็คงจะดำเนินคดีตามนั้น ไม่สามารถที่จะดำเนินการโดยไม่สามารถที่จะละเว้นการดำเนินการปฏิบัติได้
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานหลักที่จะดำเนินการทุกกลไกในการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งมิติความมั่นคง มิติการพัฒนาและวิธีบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
เราก็ได้มีการประกาศตั้งแต่แรกว่า เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 2 สัปดาห์จนนำไปสู่การฟ้องร้องคดี ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อห้วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
พล.ต.ปราโมทย์ เปิดเผยว่า ภายหลังแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัด กิจกรรมเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งภายหลังที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีก็มีกระแสขึ้นมาในสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องของเครือข่ายนักวิชาการที่ออกมาให้ประเด็นว่า เป็นเรื่องของการจัดกิจกรรมในเชิงวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีหลายฝ่ายที่พยายามที่จะเสนอให้ใช้แนวทางตามหลักรัฐศาสตร์ กล่าวคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดความเชื่อ
แต่เรื่องของการดำเนินคดี บางท่านก็มองว่าเป็นเรื่องของการดำเนินการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า อาจจะเกี่ยวพันกับไทม์ไลน์ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ซึ่งจริงๆแล้วภายหลังเกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการประกาศมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อนำไปสู่การเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้กับพนักงานสอบสวน
กล่าวคือลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นเรื่องของคดีความมั่นคง เราไม่สามารถมองแค่เฉพาะภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าวได้ ต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงทางพฤติกรรมของบุคคล , กลุ่มองค์กร รวมทั้งเจตนาแอบแฝง หรือเจตนาพิเศษต่างๆ ว่ามันจะมีส่วนสัมพันธ์อย่างไร
เพราะฉะนั้นตามที่หลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นออกมาลักษณะของการจัดกิจกรรมในวันนั้น น่าจะเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ก็อาจจะใช่
แต่ถ้าเรามองในเจตนาหรือเจตนาพิเศษ ซึ่งเราก็มีการตรวจสอบความข้อเท็จจริงว่า มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่าเรายังคงยึดมั่นในหลักกฎหมายที่จะดำเนินตามพยานหลักฐาน พูดด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้สิ่งที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีขึ้นอยู่กับหนึ่งเจตนาหรือเจตนาพิเศษพฤติกรรม รวมทั้งในเรื่องของการพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้นในเรื่องของ แนวทางการดำเนินการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดที่กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีความมั่นคง
ล่าสุดทางแม่ทัพภาคที่ 4 มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นคณะทำงานด้านกฎหมาย รวมทั้งคณะที่ปรึกษาด้านต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มาประชุมหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการจัดทำสำนวนฟ้อง ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการเห็นพ้องต้องกันว่า แนวทางที่จะดำเนินการคดีจะต้องมีการวาดภาพให้เห็นภาพรวมให้ได้ก่อน
สื่อสังคมเห็นแค่ภาพการใช้ความรุนแรงของขบวนการบีอาร์เอ็น แต่จริงๆ แล้วอีกด้านหนึ่งที่สังคมอาจจะมองไม่เห็น คือในเรื่องของช่องทาง ทางความคิดการต่อสู้ทางการเมือง กล่าวคือผู้ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ทั้ง 5 ราย จะเป็นสมาชิกของกลุ่มขบวนการหรือไม่นั้น ซึ่งหลักฐานไปถึงใครเกี่ยวข้องความผิดฐานใด เราก็คงจะดำเนินคดีตามนั้น ไม่สามารถที่จะดำเนินการโดยไม่สามารถที่จะละเว้นการดำเนินการปฏิบัติได้
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานหลักที่จะดำเนินการทุกกลไกในการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งมิติความมั่นคง มิติการพัฒนาและวิธีบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
เราก็ได้มีการประกาศตั้งแต่แรกว่า เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 2 สัปดาห์จนนำไปสู่การฟ้องร้องคดี ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อห้วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง