‘ชัชชาติ’ รอคุยรบ.ใหม่ ดูแลประชาชน

27 พ.ค. 2566 - 09:20

  • ‘ชัชชาติ’ เตรียมรวบรวมประเด็นปัญหาพร้อมหารือรัฐบาลใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน

  • เล็งเสนอแนวคิดระบบสาธารณสุข 7 โซนรักษาคนป่วยโควิด

  • ฝากทบทวนผลกระทบเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ หลังพบห้างเสียภาษีลดลง 10 เท่า

TheGovernorofBangkok-Wait-For-Talking-With-SPACEBAR-Hero
‘ชัชชาติ’ เตรียมรวบรวมปัญหาพร้อมหารือรัฐบาลใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน เล็งเสนอแบ่งแนวคิด 7 โซนดูแลคนป่วยโควิด พร้อมฝากทบทวนผลกระทบเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ หลังพบห้างสรรพสินค้าเสียภาษีลดลง 10 เท่า 
 
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรม ‘ผู้ว่า กทม. สัญจร เขตพญาไท’ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบาย ผลการดำเนินงานตาม Application Traffy Fondue และปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต  
 
ชัชชาติ เปิดเผยว่า วันนี้กลับมาสัญจรอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้สัญจรมาในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งเขตพญาไทเป็นเขตลำดับที่ 28 และกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจรเป็นหนึ่งใน 216 นโยบาย เพราะว่า ต้องการลงพื้นที่เพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของแต่ละเขต ในส่วนของเขตพญาไทพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีประชากรอยู่ประมาณ 60,000 คน สภาพพื้นที่ล้อมรอบด้วยคลองสามเสน คลองบางซื่อ ถนนสายหลักในพื้นที่ ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีและถนนพระราม 6  ฯลฯ  
 
ปัญหาหลักๆในพื้นที่เรื่องจุดน้ำท่วมมี 2 จุด คือ วิภาวดี ซึ่งได้รับการแก้ไขแล้วบริเวณหน้ากรมทหารเป็นเขตความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ซึ่งสำนักการระบายน้ำได้เข้าไปดูแลโดยตลอด นอกจากนี้ยังมีบริเวณถนนสุทธิสารบางจุด จากการประเมินสถานการณ์โดยสำนักการระบายน้ำพบว่าดีขึ้น การขุดลอกคูคลองระบายน้ำสามารถดำเนินการไปได้กว่า 3,000 กิโลเมตร  ซึ่งในปีนี้คงไม่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ แต่ปัญหาที่ยังคงมีอยู่คือไฟฟ้าส่องสว่าง จากทั้งหมด 2,021 ดวง ขณะนี้เหลือที่ยังต้องแก้ไขอีกเพียง 60 ดวง ซึ่งจะเร่งประสานการไฟฟ้านครหลวงแก้ไขภายในเดือนนี้ 
 
สำหรับโรงเรียนสังกัดกทม.ในพื้นที่มีเพียง 1 แห่ง คือโรงเรียนวัดไผ่ตัน เปิดการเรียนการสอนถึงชั้นม.6 จากการติดตามการดำเนินการตามนโยบายเรื่องของการติดตั้งห้องคอมพิวเตอร์แล็บทุกโรงเรียนทั้งหมด 437 แห่ง โรงเรียนวัดไผ่ตันก็เตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ปรับปรุงคุณภาพอาหาร โดยจัดให้มีสลัดบาร์ สัปดาห์ละ 3 วัน และดำเนินการโครงการคืนครูให้กับนักเรียนโดยจ้างธุรการ ทั้งนี้ศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวก็ได้มีการพัฒนาการให้บริการเช่นเดียวกัน 
 
“หนึ่งในปัญหาที่เขตส่วนใหญ่มีอยู่คือ อัตราว่าง โดยเขตพญาไทยังขาดบุคลากรอยู่อีก 27 อัตรา ซึ่งกทม.จะได้ปรับในส่วนของการสอบคัดเลือกให้ดีขึ้น มีการคัดเลือกคนอย่างยุติธรรม” ชัชชาติ กล่าว 
 
ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องที่จะฝากไปถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากคือ เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เดิมการเก็บภาษีโรงเรือนจะคิดจากรายได้ 12.5% เพื่อมาเป็นรายได้ของเขต แต่เมื่อเปลี่ยนรูปแบบภาษีใหม่โดยคิดตามมูลค่าที่ดิน ยกตัวอย่างเขตพญาไท ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษี สามารถจัดเก็บได้ประมาณ 300 ล้านบาท เมื่อเปลี่ยนรูปแบบภาษีทำให้รายได้ลดลงเหลือประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะคาดว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ผู้ที่มีรายได้มากจะต้องเสียภาษีมากแต่พบว่าไม่ได้เป็นไปตามนั้น ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่พญาไท เดิมเสียภาษี 10 ล้านบาท แต่เมื่อเก็บภาษีรูปแบบใหม่ เสียภาษีเพียง 1 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าภาษีลดลงถึง 10 เท่า หรืออาคารสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง เดิมเสียภาษีกว่า 11 ล้านบาท เพราะคำนวณจากค่าเช่าภายในสำนักงาน แต่เมื่อคิดภาษีรูปแบบใหม่ เหลือเพียง 7 แสนบาท เพราะคิดตามมูลค่าที่ดิน และยิ่งเป็นอาคารเก่าก็ต้องคิดค่าเสื่อมเพิ่มไปอีก ในขณะที่ห้องเช่าซึ่งเป็นอาคาร เดิมเก็บได้ 4 ล้านกว่าบาท ภาษีใหม่เก็บได้เพียง 7 แสนบาท เพราะเจ้าของได้ย้ายชื่อมาอยู่ในห้องเช่าทำให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยและจะเสียภาษีในอีกอัตราหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากไปถึงรัฐบาลและรัฐสภาใหม่ เพื่อให้สรุปและทบทวนผลกระทบที่เกิดขึ้นและสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้จริง รวมทั้งพิจารณาเงินในส่วนที่ยังค้างกทม.อยู่ เนื่องจากนโยบายการลดภาษีหากคืนเงินมาได้ ท้องถิ่นจะมีเงินสามารถนำไปบริหารตามหลักกระจายอำนาจได้มากขึ้น 
 
ด้านรศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กทม.ขณะนี้ว่า พบผู้ป่วยวันละ 1,300-1,500 คน สูงสุดคือวันละ 1,900 คน ซึ่งเป็นข้อมูลจากโรงพยาบาลสังกัดกทม. และศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม.เท่านั้น จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่า ผู้ป่วยจะมากกว่านี้ 2-3 เท่า ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่มีอาการในระดับเหลือง-/ส้ม 1-2% บางรายอาจเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยวิกฤติ โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 และผู้ที่ห่างจากการรับวัคซีนเข็มสุดท้าย มานานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว อัตราการครองเตียงอยู่ที่ 50% ทั้งนี้ประชาชนสามารถไปรับวัคซีนได้ที่รพ.ของกทม. ศูนย์บริการสาธารณสุข และจุดฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาลตามศูนย์การค้าได้ ซึ่งติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook กรุงเทพมหานคร 
 
ชัชชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง กทม.ยังคงร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาการประสานงานระหว่างโรงพยาบาล อาจจะไม่ได้ไร้รอยต่ออย่างแท้จริง ซึ่งกทม.มีแนวคิดที่จะแบ่งเป็น 7 โซน แต่ละโซนจะมีรพ.แม่ และมีรพ.เครือข่าย ซึ่งอาจมีหลายสังกัด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกันและจะทำให้เรื่องการสาธารณสุขในกรุงเทพฯมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในเรื่องนี้กทม.จะได้เสนอกับรัฐบาลใหม่ด้วยเช่นกัน 
 
นอกจากนี้ ในช่วงกลางวัน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน กับเจ้าหน้าที่เขต 5 คน ประกอบด้วย หนึ่ง เปรมทองน้อย ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) , ธนภัค ขวัญใจ ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) , ประเทือง จงใจเทศ ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานสวนสาธารณะ บ2 ,วัชราภรณ์ ผลเจริญ ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) บ1 และชัยวัฒน์ เคลือเถื่อน ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) โดยเมนูในวันนี้ ประกอบด้วย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาร้านดังปากซอยประดิพัทธ์ 19 ซุปเนื้อ ขนมปั้นขลิบ หมูสะเต๊ะร้านดังตลาด อตก. รวมถึงผลไม้ ปลาสลิดทอด และผัดเผ็ดปลากรายจากตลาดอตก.  
 
สำหรับการร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของการลงพื้นที่ตามนโยบาย ‘ผู้ว่าฯสัญจร’ในทุกหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากผู้ว่าฯกทม.ได้ให้ความสำคัญกับข้าราชการและบุคลากรทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งถือเป็น ‘โซ่ข้อสุดท้าย’ ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับประชาชนให้สามารถเดินไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในการรับประทานร่วมกัน ผู้ว่าฯกทม.ได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบ รับฟังปัญหาและอุปสรรคในการทำงานและปัญหาส่วนตัว พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงาน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์