สถานการณ์ภายในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังร้อนระอุ โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบไต้หวัน ในการเผชิญหน้าระหว่าง ‘จีน-ไต้หวัน’ ที่ถูกมองเป็น ‘สงครามตัวแทน’ ระหว่าง ‘จีน-สหรัฐฯ’ รวมทั้งพื้นที่ ‘ทะเลจีนใต้’ ที่ก็อยู่ในสถานการณ์คุกรุ่นเช่นกัน การเดินทางของเรือบรรทุกเครื่องบิน USS NIMITZ CVN 68 ของสหรัฐฯ สังกัดกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 ล่องเข้ามายังภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจึงถูกจับตาอย่างมาก โดยล่องเรือออกมาจากเมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน เพื่อปฏิบัติการทั่วไป ตั้งแต่ พ.ย.2565 ล่าสุดก่อนเยือนไทย คือ การฝึกร่วมทางทะเลไตรภาคี กับเรือรบของ Japan Maritime Self-Defense Force (JMSDF) และเกาหลีใต้ เมื่อช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ล่องมาทางใต้ เข้าสู่พื้นที่ทะเลจีนใต้ โดยมีปลายทางคือประเทศไทย
เรือ USS NIMITZ CVN 68 ได้เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในโอกาสเฉลิมฉลอง 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สหรัฐฯ โดยมีการจัดงานเลี้ยงรับรองบนเรือเมื่อค่ำวันที่ 26เม.ย.ที่ผ่านมา และมีกำหนดการเดินทางกลับใน 29 เม.ย.นี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้กองเรือที่ 7 ต่อไป
ทั้งนี้สถานทูตสหรัฐฯ ได้เชิญบุคคลสำคัญของไทยในแวดวงต่างๆ เข้าร่วมงานเลี้ยง โดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ทร. ได้ไปเยือนจีนตามคำเชิญของ ผบ.ทร.จีน ในโอกาสไปทำพิธีรับมอบ ร.ล.ช้าง เรือยกพลขึ้นบก ที่ทำลายสถิติเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุดของไทย หลังไทยสั่งต่อเรือจากจีน เพื่อมาเป็น ‘เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ’ รวมทั้งพูดคุยการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำไทยลำแรก ที่ทางจีนเสนอใช้เครื่อง CHD 620 ของจีน หลังเยอรมันไม่อนุมัติขายเครื่อง MTU396 ให้จีนต่อเรือดำน้ำ
นอกจาหนี้ สถานทูตสหรัฐฯ ได้เชิญสื่อมวลชนไทยขึ้นชมเรือ USS NIMITZ CVN 68 ในโอกาสเยือนไทยครั้งนี้ โดยมี เรือเอก Ben Bushong โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 นำคณะเยี่ยมชมเรือยักษ์ลำนี้ ที่มีขนาดสูงเท่ากับตึก 23 ชั้น กว้างขนาด 4 สนามฟุตบอล มีระวางขับน้ำเรือ 97,000 ตัน เรือมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 30 นอต ดาดฟ้าเรือกว้าง 78 เมตร สามารถบรรทุกอากาศยานได้ 70 เครื่อง โดยบนเรือส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินขับไล่ F-18 เฮลิคอปเตอร์ Sea Hawk เครื่องบินลำเลียง C-2A Greyhound เป็นต้น โดยมี พล.ร.ต. Chirstopher J. Sweeney เป็น ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 และมี น.อ. Craig C. Sicola เป็น ผู้บังคับการเรือ USS NIMITZ โดยเรือบรรทุกเคื่องบินลำนี้ อายุ 48 ปี เตรียมปลดระวางในปี 2570
การที่เรือรบสหรัฐฯ ล่องผ่านพื้นที่ที่มี ‘ความละเอียดอ่อน’ ในภูมิภาคจึงถูกจับตาอย่างยิ่ง เพราะเรือ USS Nimitz (CVN 68) ซึ่งเป็นเรือธงของ CSG 11 มีศักยภาพด้านการควบคุมทะเล การโจมตีเป้าหมายหลายประเภท ปฏิบัติการความมั่นคงทางทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการฝึกร่วมและผสมในพื้นที่ปฏิบัติการต่างๆ ทำให้การเข้ามาของเรือรบสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการ ‘แสดงแสนยานุภาพ’ ทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตามระหว่างการขึ้นชมเรือรบ ได้เปิดให้สื่อสอบถามเรื่องต่างๆ โดยช่วงหนึ่งได้มีการถามถึงเรื่อง ‘ความมั่นคงในภูมิภาค’ ว่า การเดินทางมาอินโดแปซิฟิกครั้งนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง เรือเอก Ben Bushong โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 ระบุว่า “สนุกมาก การเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สนุก”
เมื่อถามต่อไปว่า แต่ในภูมิภาคนี้ดูจะร้อนระอุพอสมควร โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 กล่าวว่า ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่เจอมาตอนนี้ ระยะการเดินเรือตอนนี้ ก็เป็นอะไรที่ปลอดภัย และดำเนินไปด้วยความเป็นมืออาชีพ และการเดินทางผ่านทะเลจีนใต้ เพราะมาจากประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะมาไทย การเดินทาง-การปฏิบัติการก็มีความปกติ เรียบร้อยดี
เรือ USS NIMITZ CVN 68 ได้เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในโอกาสเฉลิมฉลอง 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สหรัฐฯ โดยมีการจัดงานเลี้ยงรับรองบนเรือเมื่อค่ำวันที่ 26เม.ย.ที่ผ่านมา และมีกำหนดการเดินทางกลับใน 29 เม.ย.นี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้กองเรือที่ 7 ต่อไป
ทั้งนี้สถานทูตสหรัฐฯ ได้เชิญบุคคลสำคัญของไทยในแวดวงต่างๆ เข้าร่วมงานเลี้ยง โดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ทร. ได้ไปเยือนจีนตามคำเชิญของ ผบ.ทร.จีน ในโอกาสไปทำพิธีรับมอบ ร.ล.ช้าง เรือยกพลขึ้นบก ที่ทำลายสถิติเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุดของไทย หลังไทยสั่งต่อเรือจากจีน เพื่อมาเป็น ‘เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ’ รวมทั้งพูดคุยการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำไทยลำแรก ที่ทางจีนเสนอใช้เครื่อง CHD 620 ของจีน หลังเยอรมันไม่อนุมัติขายเครื่อง MTU396 ให้จีนต่อเรือดำน้ำ
นอกจาหนี้ สถานทูตสหรัฐฯ ได้เชิญสื่อมวลชนไทยขึ้นชมเรือ USS NIMITZ CVN 68 ในโอกาสเยือนไทยครั้งนี้ โดยมี เรือเอก Ben Bushong โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 นำคณะเยี่ยมชมเรือยักษ์ลำนี้ ที่มีขนาดสูงเท่ากับตึก 23 ชั้น กว้างขนาด 4 สนามฟุตบอล มีระวางขับน้ำเรือ 97,000 ตัน เรือมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 30 นอต ดาดฟ้าเรือกว้าง 78 เมตร สามารถบรรทุกอากาศยานได้ 70 เครื่อง โดยบนเรือส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินขับไล่ F-18 เฮลิคอปเตอร์ Sea Hawk เครื่องบินลำเลียง C-2A Greyhound เป็นต้น โดยมี พล.ร.ต. Chirstopher J. Sweeney เป็น ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 และมี น.อ. Craig C. Sicola เป็น ผู้บังคับการเรือ USS NIMITZ โดยเรือบรรทุกเคื่องบินลำนี้ อายุ 48 ปี เตรียมปลดระวางในปี 2570
การที่เรือรบสหรัฐฯ ล่องผ่านพื้นที่ที่มี ‘ความละเอียดอ่อน’ ในภูมิภาคจึงถูกจับตาอย่างยิ่ง เพราะเรือ USS Nimitz (CVN 68) ซึ่งเป็นเรือธงของ CSG 11 มีศักยภาพด้านการควบคุมทะเล การโจมตีเป้าหมายหลายประเภท ปฏิบัติการความมั่นคงทางทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการฝึกร่วมและผสมในพื้นที่ปฏิบัติการต่างๆ ทำให้การเข้ามาของเรือรบสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการ ‘แสดงแสนยานุภาพ’ ทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตามระหว่างการขึ้นชมเรือรบ ได้เปิดให้สื่อสอบถามเรื่องต่างๆ โดยช่วงหนึ่งได้มีการถามถึงเรื่อง ‘ความมั่นคงในภูมิภาค’ ว่า การเดินทางมาอินโดแปซิฟิกครั้งนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง เรือเอก Ben Bushong โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 ระบุว่า “สนุกมาก การเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สนุก”
เมื่อถามต่อไปว่า แต่ในภูมิภาคนี้ดูจะร้อนระอุพอสมควร โฆษกประจำเรือ USS Nimitz CVN68 กล่าวว่า ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่เจอมาตอนนี้ ระยะการเดินเรือตอนนี้ ก็เป็นอะไรที่ปลอดภัย และดำเนินไปด้วยความเป็นมืออาชีพ และการเดินทางผ่านทะเลจีนใต้ เพราะมาจากประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะมาไทย การเดินทาง-การปฏิบัติการก็มีความปกติ เรียบร้อยดี
