วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าของพลายศักดิ์สุรินทร์ หลังกลับมาประเทศไทย ว่า เช้าวันนี้อารมณ์ดี ส่ายหัวไปมา มีความคุ้นเคยกับสภาพรอบด้านมากขึ้น เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เป็นอย่างดี รับประทานอาหาร, นํ้า และขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งเร็วๆ นี้แพทย์ก็จะเริ่มรักษาโดยการตรวจสอบภายในมากขึ้น
“ถือเป็นข่าวดีที่สุด และเป็นบุญที่สุดของคนไทย ที่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ได้ทราบถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้พลายศักดิ์สุรินทร์ เป็นช้างในพระบรมราชานุเคราะห์ ถือเป็นบุญของช้าง และคนไทยที่มีองค์พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญกับทุกๆ ชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่ไปอยู่ต่างประเทศมา 22 ปี และเป็นที่สังเกตได้ว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ มีงาที่สวยงาม และยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความยาวเกือบ 2 เมตร เป็นงาที่โค้งและมีสัญลักษณ์สวยงามมาก ซึ่งส่วนตัวดีใจที่พากลับมาได้” วราวุธ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ไม่ต้องส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับประเทศศรีลังกา แล้วใช่หรือไม่ วราวุธ ตอบว่า “พออยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง”
เมื่อถามถึงกรณีช้างไทยอีก 2 เชือก ที่ยังอยู่ที่ศรีลังกา มีแนวทางที่จะนำกลับมาด้วยหรือไม่ วราวุธ ตอบว่า เท่าที่ กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไปดูด้วยตัวเอง เห็นว่ายังมีความเป็นอยู่ที่ปกติสุข อาจจะมีบาดเจ็บบ้าง ก็อยู่ในวิสัยที่ประเทศศรีลังกา ดูแลได้ และทราบว่าหลายมหาวิทยาลัยในประเทศศรีลังกา ได้ติดต่อมาที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะดูแลช้างที่ศรีลังกา โดยบอกว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ได้ ซึ่งก็จะมีการประสานงานกัน เพื่อให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีส่วนร่วมในการดูแลช้างที่เหลืออยู่ในศรีลังกา
“การจะนำกลับมานั้น ต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคตอีกที ถ้าช้างมีการบาดเจ็บหรือมีความเป็นอยู่ที่เหนือศักยภาพการดูแลของแต่ละองค์กรในศรีลังกา ทางประเทศไทยก็คงจะหยิบยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนกับกรณีพลายศักดิ์สุรินทร์” วราวุธ ระบุ
“ถือเป็นข่าวดีที่สุด และเป็นบุญที่สุดของคนไทย ที่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ได้ทราบถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้พลายศักดิ์สุรินทร์ เป็นช้างในพระบรมราชานุเคราะห์ ถือเป็นบุญของช้าง และคนไทยที่มีองค์พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญกับทุกๆ ชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่ไปอยู่ต่างประเทศมา 22 ปี และเป็นที่สังเกตได้ว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ มีงาที่สวยงาม และยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความยาวเกือบ 2 เมตร เป็นงาที่โค้งและมีสัญลักษณ์สวยงามมาก ซึ่งส่วนตัวดีใจที่พากลับมาได้” วราวุธ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ไม่ต้องส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับประเทศศรีลังกา แล้วใช่หรือไม่ วราวุธ ตอบว่า “พออยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง”
เมื่อถามถึงกรณีช้างไทยอีก 2 เชือก ที่ยังอยู่ที่ศรีลังกา มีแนวทางที่จะนำกลับมาด้วยหรือไม่ วราวุธ ตอบว่า เท่าที่ กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไปดูด้วยตัวเอง เห็นว่ายังมีความเป็นอยู่ที่ปกติสุข อาจจะมีบาดเจ็บบ้าง ก็อยู่ในวิสัยที่ประเทศศรีลังกา ดูแลได้ และทราบว่าหลายมหาวิทยาลัยในประเทศศรีลังกา ได้ติดต่อมาที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะดูแลช้างที่ศรีลังกา โดยบอกว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ได้ ซึ่งก็จะมีการประสานงานกัน เพื่อให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีส่วนร่วมในการดูแลช้างที่เหลืออยู่ในศรีลังกา
“การจะนำกลับมานั้น ต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคตอีกที ถ้าช้างมีการบาดเจ็บหรือมีความเป็นอยู่ที่เหนือศักยภาพการดูแลของแต่ละองค์กรในศรีลังกา ทางประเทศไทยก็คงจะหยิบยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนกับกรณีพลายศักดิ์สุรินทร์” วราวุธ ระบุ
