วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าขอให้ ครม.ช่วยกันทำงานไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ว่า “ไม่ได้ยิน เห็นแต่ข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์ โดยช่วงเที่ยงหลังการประชุม ครม.นายกฯ นั่งรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีบางคน ซึ่งมีคนพูดขึ้นมาแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร และมีการตอบโต้กัน ส่วนตนนั่งกินข้าวอีกโต๊ะ จึงไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะมีอำนาจบริหารประเทศเพื่อผลักดันงานต่างๆ ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่เขา เป็นเรื่องประเด็นทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าควรหรือไม่ควร
เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกการเมือง โดยที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สามารถทำได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกฯ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดแล้ว แต่ตอนนี้นายกฯ สามารถสมัครสมาชิกพรรคการเมืองได้ แม้จะมีชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2562 แต่หากมีการยุบสภาฯ บัญชีแคนดิเดตนายกฯ เก่าจะหายไป เพราะต้องเลือกนายกฯ คนใหม่
“ส่วนตอนนี้ยังไม่มีเหตุที่ต้องหานายกฯ ดังนั้นการมีชื่อในบัญชีเก่าจึงไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ถ้าเกิดเหตุจำเป็นต้องหานายกฯ ใหม่ บุคคลนั้นจะต้องจัดการตัวเอง โดยหาพรรคการเมืองใหม่แค่พรรคเดียว โดยจะกลับไปอยู่พรรคการเมืองเดิม หรือจะไปสมัครพรรคการเมืองอื่นก็ได้” รองนายกฯ วิษณุ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ จะยังไปสมัครพรรคการเมืองอื่นได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ วิษณุ กล่าวว่า “ทำได้ เพราะจะไม่ดูคุณสมบัติในระหว่างที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องเลือกนายกฯ ตัวอย่างกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย แต่ตอนนี้คุณหญิงสุดารัตน์ มีชื่อเป็นหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แต่ถ้าจากนี้จำเป็นต้องหานายกฯ คนใหม่ คนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องทำตัวเองให้ถูกต้อง ทำให้มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฯ ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองในขณะนี้ จะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ รองฯ วิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ทุกครั้งช่วงปลายสมัยรัฐบาล และกำลังจะมีการเลือกตั้ง มักจะเกิดแบบนี้เสมอ เช่น รัฐมนตรีคนหนึ่งเคยอยู่พรรคการเมืองหนึ่งแต่ตั้งใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็เริ่มไปหาเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ที่จะไปสังกัด ทำให้นายกฯ ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี
“เช่นสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรับ ครม. เพราะรู้ว่ารัฐมนตรีบางคน จะไม่อยู่และจะเป็นปรปักษ์ในการหาเสียง จึงปรับออกและหาคนใหม่มาแทน อาทิ พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท นายอาษา เมฆสวรรค์ เป็นต้น แต่ยังไม่ทันได้โปรดเกล้าฯ ลงมา นายบรรหารได้นำเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ขึ้นไปอีกฉบับ และโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน ทำให้ต้องจัดเลือกตั้งภายใน 90 วัน จากนั้นได้โปรดเกล้าฯ รัฐมนตรี ทำให้รัฐมนตรีเหล่านั้นได้ทำงานในช่วง 90 วัน ก็ถือว่าคุ้ม”
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายกฯ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมือง จะแนะนำให้อยู่พรรคเดิม หรือไปอยู่พรรคใหม่ รองนายกฯ วิษณุ กล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นหนึ่งในห้าคำถามเดิมที่สื่อเคยถาม ถ้าตนมีคำตอบใหม่จะบอก แต่เวลานี้ไม่มีอะไรจะตอบ”
เมื่อถามย้ำว่าหากนายกฯ ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองช่วงท้ายรัฐบาล จะเกิดคำถามเรื่องมารยาททางการเมืองหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า “ตั้งคำถามได้ และไม่ส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และก่อนหน้านี้นายกฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่ถ้าตอนนี้สมัครสมาชิกพรรคการเมือง ก็ไม่มีผล เพราะอายุรัฐบาลเหลือเพียงไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วันด้วยซ้ำ ไม่น่ากระทบอะไร แต่ถ้ารัฐบาลอยู่นานอีกหลายปี จะทำให้มีข้อจำกัด ทั้งนี้อย่าไปคิดอะไรแทนเขา ไม่มีอะไรน่ากลัว”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะมีอำนาจบริหารประเทศเพื่อผลักดันงานต่างๆ ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่เขา เป็นเรื่องประเด็นทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าควรหรือไม่ควร
เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกการเมือง โดยที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สามารถทำได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกฯ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดแล้ว แต่ตอนนี้นายกฯ สามารถสมัครสมาชิกพรรคการเมืองได้ แม้จะมีชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2562 แต่หากมีการยุบสภาฯ บัญชีแคนดิเดตนายกฯ เก่าจะหายไป เพราะต้องเลือกนายกฯ คนใหม่
“ส่วนตอนนี้ยังไม่มีเหตุที่ต้องหานายกฯ ดังนั้นการมีชื่อในบัญชีเก่าจึงไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ถ้าเกิดเหตุจำเป็นต้องหานายกฯ ใหม่ บุคคลนั้นจะต้องจัดการตัวเอง โดยหาพรรคการเมืองใหม่แค่พรรคเดียว โดยจะกลับไปอยู่พรรคการเมืองเดิม หรือจะไปสมัครพรรคการเมืองอื่นก็ได้” รองนายกฯ วิษณุ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ จะยังไปสมัครพรรคการเมืองอื่นได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ วิษณุ กล่าวว่า “ทำได้ เพราะจะไม่ดูคุณสมบัติในระหว่างที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องเลือกนายกฯ ตัวอย่างกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย แต่ตอนนี้คุณหญิงสุดารัตน์ มีชื่อเป็นหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แต่ถ้าจากนี้จำเป็นต้องหานายกฯ คนใหม่ คนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องทำตัวเองให้ถูกต้อง ทำให้มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฯ ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองในขณะนี้ จะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ รองฯ วิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ทุกครั้งช่วงปลายสมัยรัฐบาล และกำลังจะมีการเลือกตั้ง มักจะเกิดแบบนี้เสมอ เช่น รัฐมนตรีคนหนึ่งเคยอยู่พรรคการเมืองหนึ่งแต่ตั้งใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็เริ่มไปหาเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ที่จะไปสังกัด ทำให้นายกฯ ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี
“เช่นสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรับ ครม. เพราะรู้ว่ารัฐมนตรีบางคน จะไม่อยู่และจะเป็นปรปักษ์ในการหาเสียง จึงปรับออกและหาคนใหม่มาแทน อาทิ พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท นายอาษา เมฆสวรรค์ เป็นต้น แต่ยังไม่ทันได้โปรดเกล้าฯ ลงมา นายบรรหารได้นำเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ขึ้นไปอีกฉบับ และโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน ทำให้ต้องจัดเลือกตั้งภายใน 90 วัน จากนั้นได้โปรดเกล้าฯ รัฐมนตรี ทำให้รัฐมนตรีเหล่านั้นได้ทำงานในช่วง 90 วัน ก็ถือว่าคุ้ม”
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายกฯ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมือง จะแนะนำให้อยู่พรรคเดิม หรือไปอยู่พรรคใหม่ รองนายกฯ วิษณุ กล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นหนึ่งในห้าคำถามเดิมที่สื่อเคยถาม ถ้าตนมีคำตอบใหม่จะบอก แต่เวลานี้ไม่มีอะไรจะตอบ”
เมื่อถามย้ำว่าหากนายกฯ ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองช่วงท้ายรัฐบาล จะเกิดคำถามเรื่องมารยาททางการเมืองหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า “ตั้งคำถามได้ และไม่ส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และก่อนหน้านี้นายกฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่ถ้าตอนนี้สมัครสมาชิกพรรคการเมือง ก็ไม่มีผล เพราะอายุรัฐบาลเหลือเพียงไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วันด้วยซ้ำ ไม่น่ากระทบอะไร แต่ถ้ารัฐบาลอยู่นานอีกหลายปี จะทำให้มีข้อจำกัด ทั้งนี้อย่าไปคิดอะไรแทนเขา ไม่มีอะไรน่ากลัว”
