‘วิทยา’ อธิบายว่าการเสนอชื่อตัวเองวันนี้ เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่สนับสนับสนุนนโยบายหลายอย่างของพรรคก้าวไกล และพร้อมยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 การแบ่งแยกดินแดน และการเปลี่ยนวันชาติ รวมถึงอีกหลายหลายเรื่องที่พรรคและประชาชนรับไม่ได้ เราจึงมีหน้าที่สะท้อนการทำงานอีกส่วนหนึ่งว่าไม่เห็นด้วยกับก้าวไกล
ส่วนผลคะแนนที่ งดออกเสียงและไม่ลงคะแนน ‘วิทยา’ บอกว่าส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้หารือจริงจังกับแต่ละพรรค ซึ่งสิ่งที่ออกมาเป็นการแสดงท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากใครเห็นด้วยและคิดแบบนี้ก็ให้เดินตามมา แต่หากไม่เห็นด้วยและยังไม่มั่นใจ ก็ไม่เป็นไร
‘วิทยา’ ยังมองว่า ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพียงแค่แยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย และมีความสัมพันธ์ดีกว่าพรรคก้าวไกล จึงมองว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะในก้าวที่หนึ่ง ส่วนก้าวที่สองและสาม ก็จะดูออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมรู้จักกับอาจารย์วันนอร์ ตั้งแต่อยู่พรรคความหวังใหม่ จนสุดท้ายอยู่พรรคเพื่อไทย จึงมีความผูกพันสูงมากกว่าพรรคก้าวไกล ดังนั้นงานนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ถอย แต่เป็นการเดินทีละก้าว แล้วกินข้าวทีละคำ แล้วก็หมดจาน”
ส่วนคะแนนที่ ‘ปดิพัทธ์’ ได้ 312 เสียง ถือว่าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่แตกแถว แต่ขอให้รักษาเสียงแบบนี้ไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วให้คาดการณ์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
“จะประคองคะแนน 312 เสียง ไปจนถึงวันโหวตนายกฯ ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การประคองความรู้สึกกัน เพราะวันนี้ความรู้สึกได้เริ่มผ่อนคลายลงมา ไม่ก้าวร้าว เพราะทีแรกจะเอาหมดทุกอย่าง ก้าวซะไกล กินเกินถ้วยชาม สุดท้ายก็แยกถ้วยชามมาให้อาจารย์วันนอร์ชามหนึ่ง ต่อไปก็ต้องรู้จักแบ่งปันคนอื่นจิตใจไม่คับแคบก็อยู่กันได้นาน แต่หากคับแคบก็จะเป็นบทเรียนไปเรื่อยๆ เป็นธรรมชาติของสรรพสัตว์ในโลก”
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีแข่งพรรคจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะวันนี้ก็มีการเสนอชื่อแข่งรองประธานสภาฯ ‘วิทยา’ ตอบว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือ แต่เรื่องการลงแข่งรองประธานสภาฯ ในวันนี้ได้มีการหารือภายในพรรค ซึ่งพรรคก็เห็นด้วย
ช่วงท้าย ‘วิทยา’ ยังบอกว่าหลังทราบผลลงคะแนนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แล้ว ‘ปดิพัทธ์’ ได้เดินมาแสดงความยินดีกับตน ที่ได้แสดงความคิดเห็นอยู่ฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ตนได้ให้กำลังใจกลับไป พร้อมบอกให้ใจเย็นๆ คิดอะไรให้รอบคอบ
ส่วนผลคะแนนที่ งดออกเสียงและไม่ลงคะแนน ‘วิทยา’ บอกว่าส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้หารือจริงจังกับแต่ละพรรค ซึ่งสิ่งที่ออกมาเป็นการแสดงท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากใครเห็นด้วยและคิดแบบนี้ก็ให้เดินตามมา แต่หากไม่เห็นด้วยและยังไม่มั่นใจ ก็ไม่เป็นไร
‘วิทยา’ ยังมองว่า ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพียงแค่แยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย และมีความสัมพันธ์ดีกว่าพรรคก้าวไกล จึงมองว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะในก้าวที่หนึ่ง ส่วนก้าวที่สองและสาม ก็จะดูออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมรู้จักกับอาจารย์วันนอร์ ตั้งแต่อยู่พรรคความหวังใหม่ จนสุดท้ายอยู่พรรคเพื่อไทย จึงมีความผูกพันสูงมากกว่าพรรคก้าวไกล ดังนั้นงานนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ถอย แต่เป็นการเดินทีละก้าว แล้วกินข้าวทีละคำ แล้วก็หมดจาน”
ส่วนคะแนนที่ ‘ปดิพัทธ์’ ได้ 312 เสียง ถือว่าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่แตกแถว แต่ขอให้รักษาเสียงแบบนี้ไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วให้คาดการณ์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
“จะประคองคะแนน 312 เสียง ไปจนถึงวันโหวตนายกฯ ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การประคองความรู้สึกกัน เพราะวันนี้ความรู้สึกได้เริ่มผ่อนคลายลงมา ไม่ก้าวร้าว เพราะทีแรกจะเอาหมดทุกอย่าง ก้าวซะไกล กินเกินถ้วยชาม สุดท้ายก็แยกถ้วยชามมาให้อาจารย์วันนอร์ชามหนึ่ง ต่อไปก็ต้องรู้จักแบ่งปันคนอื่นจิตใจไม่คับแคบก็อยู่กันได้นาน แต่หากคับแคบก็จะเป็นบทเรียนไปเรื่อยๆ เป็นธรรมชาติของสรรพสัตว์ในโลก”
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีแข่งพรรคจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะวันนี้ก็มีการเสนอชื่อแข่งรองประธานสภาฯ ‘วิทยา’ ตอบว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือ แต่เรื่องการลงแข่งรองประธานสภาฯ ในวันนี้ได้มีการหารือภายในพรรค ซึ่งพรรคก็เห็นด้วย
ช่วงท้าย ‘วิทยา’ ยังบอกว่าหลังทราบผลลงคะแนนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แล้ว ‘ปดิพัทธ์’ ได้เดินมาแสดงความยินดีกับตน ที่ได้แสดงความคิดเห็นอยู่ฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ตนได้ให้กำลังใจกลับไป พร้อมบอกให้ใจเย็นๆ คิดอะไรให้รอบคอบ