อลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า “สิ่งที่ทาง สว. ไม่ได้ใส่ใจหรือสงสัยกับหน้าตาว่าจะหล่อไม่หล่อ สวยไม่สวย ดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่เราต้องใส่ใจคือการปล่อยคลิปเสียงนั้น ปล่อยมาเพื่ออะไร ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจากการปล่อยคลิปคือ รัฐมนตรีลาออก เริ่มเกิดความไม่เสถียรภาพในระบบการเมืองไทยแล้ว นี่คือสิ่งที่พญาละแวกสองต้องการใช่หรือไม่ อีกทั้งเริ่มมีการออกมาข่มขู่แล้วว่าหากใครเห็นต่างจะมีการสั่งเก็บ”
ครม. จะมีหน้าตาแบบไหนก็แล้วแต่ สว. คงไม่ได้สนใจภาพรวมตรงนั้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ แต่สิ่งที่เรามีข้อสังเกตคือนี่คือระเบิดที่เกิดขึ้นจากการปล่อยคลิประหว่างที่มีการเปลี่ยน ครม.
อลงกต ยังกล่าวถึงกรณีพิพาทกับประเทศกัมพูชา ว่า “ผมยืนยันว่าเราควรตัดความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งนี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม และควรที่จะมีการปิดด่านถาวร ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้สอบถามกับทางกระทรวงการคลังว่าระหว่างการส่งสินค้าไปที่ประเทศกัมพูชากับสินค้าที่ประเทศกัมพูชาส่งกลับมายังประเทศไทยนั้นอะไรมากกว่า ซึ่งได้คำตอบว่าเราส่งไปมากกว่า โดยสิ่งที่เราส่งไปคือน้ำมันกับเครื่องอุปโภคบริโภค แต่สิ่งที่เขาส่งมาคือพวกมันสำปะหลัง มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท แต่มูลค่าที่เราส่งไปอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท ถามว่าเราอยู่ได้หรือไม่ ขอยืนยันว่าเราอยู่ได้ และเราสามารถหาลูกค้าคนอื่นได้”
การปิดด่านสามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง รวมถึงเป็นการกดดันว่าเรา ‘มีศักดิ์ศรี มีเอกราชของเรา’ ทำไมเราต้องยอม แต่หากทางพญาละแวกสองยังมีปฏิกิริยาเช่นนี้และยังดึงดันอยู่ ผมก็เห็นว่าให้ตัดสัมพันธ์ทางการทูตได้เลย ถ้าเราปิดด่าน เราอยู่ได้ แต่จะเป็นปัญหาของทางกัมพูชา เพื่อความเป็นเอกราช ความเป็นอธิปไตยสำคัญกว่าอย่างอื่น ฉะนั้น การปรับ ครม. ไม่ใช่สาระสำคัญที่ สว. จะไปเกี่ยวข้องหรือมีข้อกังวล เพราะเขาเป็นฝ่ายบริหาร เราให้เกียรติกับฝ่ายบริหาร
เมื่อถามว่า หน้าตาของ “ครม.ชุดใหม่” จะสามารถไปแก้ไขปัญหาชายแดนได้หรือไม่? อลงกต กล่าวว่า “จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้อยู่ที่ผู้นำจะสั่ง ตัวรัฐมนตรีเป็นรอง ส่วนตัวละครสำคัญที่จะแก้ปัญหาในขณะนี้คือแม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงการจัดการในพื้นที่ตะเข็บชายแดนคือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องรอดูบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนต่อไปว่าจะสามารถรับลูก หรือดำเนินการคู่ขนานกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้หรือไม่”
อลงกต กล่าวด้วยว่า “ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ฉะนั้น นโยบายต่างประเทศก็เป็นสิ่งที่เราต้องกังวลใช่หรือไม่ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญแล้ว ย้ำว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร”
เมื่อถามต่อไปว่า การรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีต่อคลิปเสียงสนทนาที่หลุดออกมา ซึ่งไม่ได้มีการลาออก แต่ยังเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อ จะส่งผลให้กระแสสังคมที่เกิดความไม่พอใจ เช่น กลุ่มรวมพลังแผ่นดินที่มีการนัดชุมนุมวันที่ 28 มิถุนายนนี้หรือไม่? อลงกต กล่าวว่า “เป็นเรื่องของสังคม แต่ในส่วนของ สว. เราได้มีการลงชื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีแล้ว อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยออกมาอย่างไร”