ขึ้นปีมังกร ดูเหมือนจะเป็น ‘ปีชง’ สำหรับ ‘พรรคภูมิใจไทย’ เริ่มจาก ‘ฉลอง เทิดวีระพงศ์ - ภูมิสิษฏ์ คงมี - นาที รัชกิจประการ’ อดีต สส.ภูมิใจไทย 3 ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินความผิดคดีเสียบบัตรแทน โดยทั้งหมดถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต และกรณี ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ถูก กกต. แจกใบแดงแรก ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่าง กกต.ใหญ่ จัดทำคำร้องส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งในเขต 8 นครศรีธรรมราช
ล่าสุดศาล รธน. เตรียมพิจารณาคดี ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ อดีต รมว.คมนาคม กรณีการถือหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จำกัด ที่ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว
แต่ก้าวย่างของ ‘ภูมิใจไทย’ ยังคงถูกโฟกัส แม้พรรคจะอยู่ในช่วง ‘ปีชง’ และออกแนว ‘ขาลง’ เพราะถือเป็น ‘พรรคใหญ่’ ในพรรคร่วมรัฐบาล ที่สุดท้าย ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ ต้องอยู่ในสถาวะจำยอมร่วมรัฐบาล หลังทั้งสองพรรคมี ‘ประวัติศาสตร์บาดแผล’ ต่อกัน เรียกว่าเป็น ‘เส้นขนาน’ กันมา สิบกว่าปี นับตั้งแต่วาทะ “มันจบแล้วครับนาย” ของ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ครูใหญ่ ภท. ที่เคยลั่นวาทะหลัง ภท. เปลี่ยนขั้วไปหนุน ‘ประชาธิปัตย์’ ในการให้ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เป็น นายกฯ
ภท. ในยุค ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ พยายามจะรีแบรนด์พรรคใหม่ ไม่ให้เลือกข้างชัด เป็น ‘พรรคสายกลาง’ ไปได้กับทุกขั้ว เพื่ออยู่ได้ในทุกสถานการณ์ จึงเป็นที่มาของการร่วมทั้ง ‘รบ.ประยุทธ์-เศรษฐา’ เพื่อรักษาอำนาจไว้ในมือ เพราะ ภท. รู้จุดแข็งตัวเองว่า มี ‘ฐานเสียง’ มาจาก ‘พลังบ้านใหญ่’ และ ‘ผลงาน’ ในกระทรวงที่ดูแล มากกว่าชูธง ‘อุดมการณ์’ เฉกเช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ
ชื่อของ ‘อนุทิน’ ยังคงเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ซึ่งที่ผ่านมา ‘อนุทิน’ รู้จังหวะว่ายังไม่ถึงเวลาเป็นนายกฯ เพราะ ‘พรรคแกนนำรัฐบาล’ จะถูก ‘ริบเก้าอี้รัฐมนตรี’ ไปจำนวนมากให้ ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ซึ่งการเป็น ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ที่มีเสียงมาเป็นลำดับที่ 2 ย่อมมี ‘อำนาจต่อรอง’ ได้กระทรวงเกรดเอ ทำให้ ‘อนุทิน’ ไม่หวังเป็นนายกฯ ตั้งแต่เมื่อครั้งปี 62 ที่เคยมีข่าวว่า ‘พรรคเพื่อไทย’ จะยกเก้าอี้นายกฯให้ เพื่อแลกกับให้ ‘พลังประชารัฐ’ ในยุคนั้น ไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’
แต่ในขณะนั้นก็ทราบดีว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ เพราะ ‘อนุทิน’ เลือกอยู่กับ พปชร. มาตั้งแต่ต้น แบ่งเก้าอี้กันลงตัว ไม่เป็นรอง พปชร. เพราะหากไปอยู่กับ ‘เพื่อไทย’ ในขณะนั้น ‘อำนาจต่อรอง’ ก็จะลดลง
สำหรับ ‘อนุทิน’ เรียกว่า ‘คนเพื่อนเยอะ’ ในแวดวงต่างๆ โดยเฉพาะ ‘การเมือง-ธุรกิจ’ แต่ช่วงที่ผ่านมา ‘อนุทิน’ พยายามขยาย ‘คอนเนกชั่น’ มาในซีก ‘กองทัพ’ มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก หลักสูตรการศึกษาอบรมของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 61
สำหรับ วปอ.61 มี ‘นายทหาร’ 109 คน จาก 284 คน โดยตำแหน่งหลักๆ ได้แก่ ‘บิ๊กหนุ่ม’พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม (ตท.24) ‘บิ๊กต่อ’พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. (ตท.23) ‘บิ๊กไก่’พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. (ตท.24)
ส่วน ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด (ตท.24) กับ ‘บิ๊กดุง’พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. (ตท.23) ทั้งคู่จบ วปอ.62 รุ่นติดกับ วปอ.61
นอกจากนี้ยังมี ‘บิ๊กโต’พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รอง ผบ.ทบ. , พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก , พล.อ.โดมศักดิ์ คำใสแสง รองผบ.ทหารสูงสุด , พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ตท.24) เป็นต้น
ส่วนนายทหารที่เกษียณฯ ไปแล้วที่จบ วปอ.61 เช่น ‘บิ๊กเกรียง’พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ล่าสุด ‘อนุทิน’ ตั้งเป็นที่ ประธานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย , ‘บิ๊กจ็อด’พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ อดีต ผบ.ทร. เป็นต้น
สำหรับ วปอ.61 นายทหารอยู่ในช่วง ‘รอยต่อ’ ระหว่าง ‘ผู้บังคับบัญชา’ ระดับสูงของเหล่าทัพ-ตำแหน่งหลัก-ตำแหน่งประจำ กับนายทหารที่เกษียณฯ แล้ว ทำให้ ‘อนุทิน’ มีคอนเนกชันถึงภายใน ‘เหล่าทัพ’ เห็นได้ชัดเวลาไปงานใด ทั้งงานในและนอกราชการ ก็จะถ่ายรูปร่วมกับ ‘บิ๊กทหาร’ เสมอ
ล่าสุด ‘อนุทิน’ ได้ร่วมวงตีกอล์ฟกับ ‘สุทิน คลังแสง’ รมว.กลาโหม ที่มี ‘บิ๊กทหาร’ มาร่วมออกรอบ เช่น ‘บิ๊กต่อ’พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ‘บิ๊กหนึ่ง’พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทหารสูงสุด (วปอ.60) ‘บิ๊กเล็ก’พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม (ตท.20) ‘บิ๊กอั๋น’พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม (ตท.20)
โดยเฉพาะ ‘บิ๊กวิน’พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร. (ตท.25) เพื่อนร่วมรุ่น ร.ร.อัสสัมชัญ กับ ‘อนุทิน’ ที่มักร่วมวงข้าวด้วยกันเสมอ และ ‘เสธ.หมู’พล.ท.สุเมธ พรหมตรุษ ที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ที่สนิมกับ ‘อนุทิน’ เช่นกัน
แวดวง ‘ทหาร’ และ ‘การเมือง’ ยังคงเป็นของคู่กัน แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป !
