ความเห็น ‘เลขาฯ กฤษฎีกา’ มีน้ำหนัก! ปม ‘ดีเอสไอ’ ไร้อำนาจสอบ ‘ฮั้วเลือก สว.ปี 67’

26 ก.พ. 2568 - 08:54

  • ‘อนุทิน’ มองความเห็น ‘เลขาฯ กฤษฎีกา’ ถึง ‘ดีเอสไอ’ มีน้ำหนัก!

  • ปมชี้ไร้อำนาจสอบ ‘ฮั้วเลือก สว.ปี 67’ ยกเหมือน ‘ที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ’

  • ปัดจับมือ ‘นฤมล’ สยบรอยร้าวปม ‘ที่ดิน’ พลิ้วเป็นมิตรภาพที่ไม่เสื่อมคลาย

  • ลั่นรัฐบาล ‘แน่นปึ้ก’ ชม ‘นายกฯ’ มีความเป็นผู้นำสูง ยันไม่มีเขย่าเก้าอี้ ครม.

Anutin-Charnvirakul-on-DSI-and-Senate-election-corruption-case-SPACEBAR-Hero.jpg

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ออกไป เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับ ‘คดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)’ ว่า ติดตามจากข่าวเท่านั้น เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการ แต่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหนึ่งในกรรมการ และมาเล่าให้ฟังว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายให้เคร่งครัด เพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ในภายภาคหน้า ซึ่งทั้งหมดก็แล้วแต่การพิจารณาของคณะกรรมการ เพราะทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการใช้ดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุทิน กล่าวว่า หากเป็นผม, ในฐานะรัฐมนตรี เวลาจะตัดสินใจอะไรในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องฟังเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหลักไว้ก่อน แต่ไม่ได้มีกฎว่าหากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาพูดอะไรจะต้องปฏิบัติตาม หรือเชื่อ เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจ

แต่น้ำหนักของความเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า ที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ คงต้องทิ้งน้ำหนักไว้ตรงนั้นเยอะ อย่างเวลาผมต้องการตัดสินใจอะไรในการประชุม ครม. ถ้าจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย คำแรกที่ทุกคนจะถามคือ กฤษฎีกาว่าอย่างไร

อนุทิน ชาญวีรกูล

ก่อนย้ำว่าก็มีน้ำหนักกฎหมายเป็นกฎหมายฉบับเดียวกันทั้งหมด แต่การตีความอาจไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้น้ำหนักไปที่ตรงไหนมากกว่า แต่หากเป็นตนจะให้น้ำหนักกฤษฎีกา

ปัดจับมือ ‘นฤมล’ สยบรอยร้าวปม ‘ที่ดิน’

สำหรับกรณีที่มีการจับมือกับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ในช่วงแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถือเป็นการ ‘สยบรอยร้าว’ เรื่องที่ดินหรือไม่นั้น

อนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า เรื่องที่ดำเนินการเพื่อให้คลายข้อสงสัย และสืบหาข้อเท็จจริงก็ต้องดำเนินการไป ซึ่งที่ดินหากได้มาโดยถูกต้อง มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีอะไรต้องน่าห่วง

การจับมือกัน มิตรภาพมันไม่เสื่อมคลายไปตรงไหนในการทำงานร่วมรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องทำเพื่อประชาชน ส่วนเรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัวไป

อนุทิน ชาญวีรกูล

ลั่นรัฐบาล ‘แน่นปึ้ก’ ชม ‘นายกฯ’ มีความเป็นผู้นำสูง ยันไม่มีเขย่าเก้าอี้ ครม.

เมื่อถามว่าตอนนี้ ‘แน่นปึ้ก’ หรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า การนำรัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เราได้เห็นภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น

ท่านก็ประกาศตัวเองชัดเจนว่า ท่านรับผิดชอบรัฐบาลนี้ เราก็ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะเราเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของท่าน

อนุทิน ชาญวีรกูล

อนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสลับขยับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) ก็มีการรับปากว่า เราจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะต้องช่วยกันให้ข้อมูล ให้กำลังใจและสนับสนุนให้ทุกคนเกิดความสบายใจในการชี้แจง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้สรุปให้กับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่เข้าร่วมในวงดินเนอร์เมื่อวานนี้ได้ฟัง ซึ่งเรารับปาก

ยิงมุกบอก ‘ไฟในทรวง’ ไม่มีวันดับ

เมื่อถามถึงปม ‘ไฟในทรวง’ ตอนนี้ดับแล้วหรือไม่? อนุทิน หัวเราะก่อนระบุว่า “คนเราต้องมีไฟ ถึงจะอยากทำนู่นอยากทำนี่ ดับไปเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวไปบวช”

‘ภูมิใจไทย’ ยันส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้เลือกตั้งซ่อม ‘บึงกาฬ’

ส่วนเมื่อถามไปถึงการเลือกตั้งซ่อม สส.บึงกาฬ เขต 2 แทน สุวรรณา กุมภิโร หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี

อนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะส่งผู้สมัครอยู่แล้ว

เพราะคนที่โดนคือคนของพรรคภูมิใจไทย แต่ยังไม่ได้หารือกัน เพราะช่วงนี้ยุ่ง ๆ น่าจะมีเวลากว่า 1 เดือน และในจังหวัดบึงกาฬ ส่วนของพรรคภูมิใจไทยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทยดูแลรับผิดชอบอยู่แล้ว ซึ่งภรรยาท่านก็เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด คงบริหารจัดการพื้นที่ตรงนั้น

อนุทิน ชาญวีรกูล

ขอบคุณ ‘นายกฯ-เพื่อไทย’ หลีกทาง

เมื่อถามว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครชิงสู้ศึกหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ส่วนจะผิดมารยาทหรือไม่ ไม่มีข้อห้ามใด ๆ

แต่ต้องขอบคุณ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มาบอกกับผมว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ส่งผู้สมัคร ต้องกราบขอบพระคุณท่าน กราบแล้วกราบอีก เพื่อรักษาสปิริต เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย เมื่อหัวหน้าพรรคคุยกับหัวหน้าพรรค จะได้ความชัดเจน ได้ความเกรงใจและเคารพกันเกิดขึ้น

อนุทิน ชาญวีรกูล

ส่วนเมื่อถามว่า มั่นใจจะได้ที่นั่งคืนกลับมาเป็นของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า เราบอกไม่ได้ว่ามั่นใจ เราต้องหาคนที่ชาวบ้านไว้วางใจ ส่วนจะต้องลงช่วยหาเสียงด้วยหรือไม่ ต้องดูเหตุการณ์ก่อน

‘กรมการปกครอง’ ต้องตรวจสอบ ‘นายทุนจีน’ ปล่อยเช่าคอนโดฯ รายวันย่านใจกลางเมือง

รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทุนจีนซื้อคอนโดมาปล่อยให้ชาวต่างชาติเช่าพักระยะสั้น สร้างความเดือดร้อนให้ลูกบ้าน โดยนำตู้เก็บกุญแจห้องไปวางไว้ในจุดต่าง ๆ เพื่อเลี่ยงกฎหมาย ว่า การจะเปิดโรงแรมหรือห้องพักจะต้องมีใบอนุญาตโรงแรมและปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากปฏิบัติถูกต้องควบคุมก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ในกรณีคอนโดย่านสุขุมวิท ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นี้ กรมการปกครองจะต้องเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งจะมีชุดออกตรวจอยู่แล้ว หากพบว่ากระทำความผิด ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อชุมชนก็ต้องดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก็ต้องโดนหมด

อนุทิน ชาญวีรกูล

กฎหมายยังให้ต่างด้าวถือครองห้องชุดได้แค่ 49%

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิคนต่างด้าวสามารถถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% นั้น อนุทิน กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาอยู่ ปัจจุบันยังคงเป็นที่ 49%

กำชับเข้มแก้ ‘ไฟป่า-ฝุ่น’

ส่วนเมื่อถามถึงสถานการณ์ไฟป่า, รมว.มหาดไทย ระบุว่า ที่ผ่านมา ได้พบกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคเหนือหลายจังหวัด และเมื่อสักครู่ก็ได้พบกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ทราบว่า ปีนี้ค่อนข้างควบคุมสถานการณ์ได้ดี และได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาวเกษตรกร ซึ่งจะต้องลุ้นกันอีกประมาณเดือนกว่า ที่สถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลายไป

แต่ตอนนี้ก็ได้กำชับ และทางการก็เคร่งครัดอย่างมากในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่จะเผาให้เกิดมลพิษฝุ่นควันต่าง ๆ ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนว่าอย่าได้กระทำ เพราะเราจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด และมีโทษที่ค่อนข้างจะรุนแรง

อนุทิน ชาญวีรกูล

พอเคร่งครัดก็หาว่า ‘เกินไป’ พอปล่อยก็หาว่า ‘ไม่ดูแล’

เมื่อถามถึงกรณีที่ ‘สภาลมหายใจเชียงใหม่’ ออกมาระบุมาตรการดูเคร่งครัดเกินไปหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า จะไปพูดคำนั้นไม่ได้ เพราะหากเคร่งครัดก็ถูกมองว่าเคร่งครัดเกินไป แต่หากปล่อยก็บอกว่าไม่ดูแล ซึ่งไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น หากปล่อยให้มีการเผาเพิ่มมากขึ้น มันก็จะไปรวมกับสิ่งที่มาจากในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ก็อาจจะทำให้เกิดสภาวะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน เราจึงต้องมีความเคร่งครัด โดยรัฐบาลก็จะต้องหามาตรการในการช่วยเหลือ ว่าหากมีต้นทุนที่เพิ่มสูงมากขึ้นจะมีการช่วยเหลืออย่างไร

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์