










พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อเหตุลอบยิง และวางระเบิดในหลายจุด ในห้วงที่ผ่านมา (8-9 มี.ค.68) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่ ว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) /รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับทราบรายงานแล้ว รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัว และญาติของผู้สูญเสีย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นอย่างดีที่สุด
พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุ ในบางจุด โดยเฉพาะที่ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอให้เร่งปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้โอกาสแก่ผู้ไม่หวังดี มีช่องทางที่จะกระทำได้ ซึ่งการก่อเหตุที่ไม่เพียงแต่ต้องการจะสร้างสถานการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการมุ่งให้เกิดผลกระทบไปถึงการสูญเสีย ทั้งที่บาดเจ็บ และต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ร่วมด้วย จึงขอให้เร่งติดตามค้นหา นำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็วที่สุดต่อไป
แม่ทัพภาคที่ 4 บินด่วน ตรวจจุดเกิดเหตุ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (9 มีนาคม 2568) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค บินด่วนลงพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ปกครอง ติดตามสถานการณ์ หลังเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลายจุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 มี.ค2568) โดยมีพล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือที่ 33 หน่วยกำลัง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ร่วมประชุม สรุปสถานการณ์และรายงานผลกระทบ พร้อมหารือแนวทางการปรับแผนการดูแลพื้นที่อย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ ภายหลังได้รับฟังสรุปสถานการณ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งทบทวนแผนการปฏิบัติ เน้นย้ำแผนรักษาความปลอดภัยเขตเมือง สถานที่ราชการเป็นสำคัญ เพราะจากพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุพบว่า มีการวางแผนเตรียมการมาอย่างดี มีกองกำลังและอาวุธพร้อมครบมือ โดยก่อเหตุอย่างอุอาจไม่เกรงกลัวและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน แม้จะเป็นช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของพี่น้องชาวไทยมุสลิม
โดยจากนี้ให้ผู้บังคับหน่วยกำชับและแจ้งเตือนหน่วยให้ชัดเจนให้ลงให้ถึงผู้ปฏิบัติ และให้มีการปรับแผนการปฏิบัติงาน ยกระดับให้มีความรัดกุม รอบคอบ ไม่ประมาท และเสริมการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ และสิ่งสาธารณูปโภค จุดล่อแหลมต่างๆ รวมถึงการดูแลเส้นทางหลักเส้นทางรอง และให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงเครือข่ายประชาชนช่วยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเมื่อพบสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองโดยด่วนทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุบริเวณที่ว่าการอำเภอสุไหงโกลก โดยเจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในบริเวณดังกล่าว
ส่วนรถที่ก่อเหตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นรถซื้อมาจากเต้นท์นอกพื้นที่ และมีการโอนลอย ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่าใครเป็นของ จะเร่งดำเนินการขยายผลไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุต่อไป
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ.กูวา หมู่ 5 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ว่า พบรถกระบะ อีซูซู สีบรอนด์เงิน คาดว่าเป็นต้องสงสัย จากการก่อเหตุที่ อ.สุไหง โก-ลก เข้ามาจอดทิ้งไว้ บริเวณ บ.กูวา ต.ริโก๋ ในสวนปาล์ม ทางไปลูโบ๊ะบาตู ล่าสุดหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงได้เข้าปิดกั้นเส้นทาง และเข้าตรวจสอบแล้ว