จุดเดือด ‘ช่องบก’ 2 ชาติ เข้าใจผิด หรือ จงใจ ? ท่าที ‘ไทย-กัมพูชา’ หลังปะทะ

28 พ.ค. 2568 - 05:08

    จุดเดือด ‘ช่องบก’ 2 ชาติ เข้าใจผิด หรือ จงใจ ? ท่าที ‘ไทย-กัมพูชา’ หลังปะทะ

    ทหารไทย-กัมพูชา ปะทะเช้าตรู่ ซ้ำรอย ‘ช่องบก’

    เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 รายงานข่าว จากหน่วยงานความมั่นคงชายแดน ช่องบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 05.45 น. บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ซึ่งบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตที่ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา และเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายมีการอ้างสิทธิทับซ้อนมาโดยตลอดที่ผ่านมา

    ทั้งสองประเทศได้มีข้อตกลงร่วมกันในการ “รักษาสถานภาพเดิม” (Status Quo) เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน โดยกำหนดให้ไม่มีการดำเนินการที่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในพื้นที่ เช่น การสร้างสิ่งปลูกสร้าง การเคลื่อนย้ายกำลังพล หรือการขุดหลุมโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 05.45 น. วันนี้ ฝ่ายไทยตรวจพบการเคลื่อนกำลังและการจัดเตรียมพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชาในลักษณะการ ‘ตั้งจุดตรึงกำลัง’ ในพื้นที่ที่ไทยอ้างสิทธิ ซึ่งอาจขัดต่อข้อตกลงที่มีอยู่ ฝ่ายไทยจึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบ และเกิดเหตุปะทะขึ้น

    ทั้งนี้กำลังพลของไทยมาจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ซึ่งปฏิบัติภารกิจตามปกติในการประสานงานและเฝ้าระวังพื้นที่ โดยไม่มีเจตนาแสดงอำนาจเหนือดินแดนหรือยั่วยุใดๆ ต่อประเทศเพื่อนบ้าน

    สำหรับเหตุปะทะเกิดขึ้นจากความคลาดเคลื่อนในการประเมินสถานการณ์ในระดับภาคสนาม และยุติลงภายในเวลาอันสั้น โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

    ภายหลังเกิดเหตุการณ์ พล.ต.ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ได้ประสานทางโทรศัพท์กับรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีของไทย และสามารถตกลงยุติเหตุการณ์ได้ภายในเวลา 05.55 น.

    สถานการณ์ล่าสุด ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือผ่านกลไกทวิภาคีตามกรอบที่มีอยู่ เพื่อจัดการกรณีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนด้วยวิถีทางสันติ และวางแนวปฏิบัติร่วมกันในอนาคต กำลังพลของฝ่ายไทยปลอดภัยทุกนาย และสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด


    ทบ. แจงเหตุปะทะ ‘ช่องบก’ -  ‘กัมพูชา’ เริ่มก่อน เหตุเข้าใจผิด

    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที

    ต่อมาเวลา 05.55 น. โดย พล.ต.ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ

    ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป


    ‘ภูมิธรรม’ เผย ‘รมว.กลาโหมกัมพูชา’ ส่ง ‘ทหารคนสนิท’ โทรหา รมช.กลาโหมไทย ขอลดเผชิญหน้า

    ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก และ รมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งพื้นที่ที่เกิดเหตุ เป็นเขตอ้างสิทธิ ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงเริ่มต้นทางกัมพูชาได้มีการขุดคูเลตพื้นที่ เนิน 745 ช่องบก มาครั้งหนึ่งแล้ว และทั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทางกัมพูชาได้นำกำลังมาตรึง เขตอ้างสิทธิของทั้งสองประเทศ ส่วนทหารไทยได้ลาดตระเวนไปพบ จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชา เป็นฝ่ายยิงก่อน⁣

    หลังเกิดเหตุทาง ทหารคนสนิท พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาหา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ขอให้ของฝาก ทั้งสองฝ่ายลดการเผชิญหน้า ซึ่งปัจจุบันทางทหารไทยก็ยังตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ เช่นเดียวกับกัมพูชา

    “ผมได้รับรายงานจากในพื้นที่ว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นที่จะต้องยิงโต้ตอบ เพื่อป้องกันตัวและปกป้องอธิปไตยของไทย และผมได้กำชับไปว่าให้ได้ระมัดระวังสถานการณ์ ขณะนี้แม้จะหยุดยิง แต่กำลังทั้งสองฝ่ายยังวางเผชิญหน้ากันอยู่ โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เรียกประชุมกองกำลังที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมด” ภูมิธรรม กล่าว

    ส่วนที่กัมพูชาได้เข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิเป็นการละเมิด MOU2543 หรือไม่ ภูมิธรรม ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าว ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน และยังไม่ได้มีข้อตกลงว่าเป็นพื้นที่ของใคร นอกจากนี้ ก็เคยพูดคุยกันไปแล้วว่าในพื้นที่เช่นนี้ห้ามไปก่อสร้างหรือทำสิ่งใดๆ เพิ่มเติม ยกเว้นการลาดตระเวนร่วมกันของกำลังทั้งสองฝ่ายโดยปราศจากอาวุธ

    จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด MOU 2543 ใช่หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ตนขอฟังรายละเอียดทั้งหมดก่อน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเร่งด่วน เพื่อกำชับแนวทางปฏิบัติ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน


    ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ชี้ ‘กัมพูชา’ ละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ‘ทหารไทย’ เข้าเจรจา กลับยิงสวน

    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลตเช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา

    “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1 : 50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

     

    เรื่องเด่นประจำสัปดาห์