รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า “มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ได้พูดคุยกับ รมว.การต่างประเทศของกัมพูชาตลอด และขณะนี้ทั้ง 2 คนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน น่าจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ เราพยายามที่จะลดระดับความขัดแย้งให้มากที่สุด”
ทั้งนี้ ในส่วนของปัญหานี้ กระทรวงการต่างประเทศมีคณะกรรมการร่วมชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (เจบีซี) ซึ่งจะมีการหารือเพิ่มเติมกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีแนวโน้มเรื่องการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนมากขึ้นหรือไม่? รัศม์ กล่าวว่า “มันอยู่ในเรื่องของเจบีซี ปัญหาเรื่องการปักปันเขตแดนก็ต้องมีการพูดถึง แต่กระบวนการยาวนาน ต้องค่อยๆ ทำไป เพราะหลักเขตแดนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ หลักเขตแดนสูญหายบ้าง ต้องมีการพิสูจน์กันว่าอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ การดำเนินการพูดคุยตามหลักการทูตเพื่อหาข้อยุติร่วมกันก็ยังคงดำเนินการต่อไป และน่าจะมีผลในทางที่ดีขึ้นเมื่อมีการมานั่งคุยกันในช่วงเดือน มิ.ย.”
เมื่อถามย้ำว่า จะสำเร็จหรือไม่ เพราะปัญหาชายแดนบริเวณช่องบกมีการปะทะกันมายาวนาน? รัศม์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย ส่วนจะสิ้นสุดเมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่จะต้องพิสูจน์ เพราะสมัยก่อนเรื่องเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า แต่ทุกวันนี้มีความก้าวหน้าและสามารถช่วยได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีเจตนารมณ์ที่ดีในการมาแก้ปัญหานี้ร่วมกัน และจะต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะเรื่องของเขตแดนเป็นเรื่องของความรู้สึกของประชาชนด้วย
อย่างน้อยผมคิดว่า การเจรจาย่อมดีกว่าไม่มี ตราบใดที่ยังเดินหน้าไปได้ก็สามารถเป็นไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น แน่นอนเราต้องมีข้อยุติไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ซึ่งถ้าเร็วได้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรที่จะไปบีบบังคับหน่วยงานทั้งสองฝ่าย หรือไปสร้างความคาดหวัง ความกดดัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีหลายประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณา ต้องให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายพิสูจน์กันตามหลักฐาน
ยันไทยเดินหน้าเจรจาต่อแม้ศาลสหรัฐฯ สั่งยับยั้ง ‘ภาษีทรัมป์’
ส่วนกรณีศาลการค้าสหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาสั่งยับยั้งภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บทั่วโลกของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใช้กฎหมายฉุกเฉินโดยมิชอบ และคำสั่งของประธานาธิบดีละเมิดอำนาจของรัฐธรรมนูญในการมอบอำนาจเกี่ยวกับภาษีนำเข้าแก่รัฐสภา
เรื่องนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “ผมเพิ่งได้เห็นข่าวนี้ ต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะต้องดำเนินการต่อ คาดว่า จะมีความคืบหน้าในเร็วนี้ และขณะนี้กำลังหารือกันอยู่”
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องเร่งเจรจา แม้ไทยมีดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้เป็นผู้ค้าที่มีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เป็นต้น แต่สหรัฐฯ ยังเป็นมิตรประเทศที่สำคัญอย่างยิ่งของไทย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะมาดูว่า จะมีความร่วมมือที่จะต้องปรับด้านเศรษฐกิจกันอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย