บรรยากาศที่กรมสอบสวนคดีพิเศษวันนี้ (26 ก.พ.) มีตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง และภาคประชาชนจำนวนหนึ่ง นำดอกไม้มามอบให้กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเป็นกำลังใจ และสนับสนุนให้รับเรื่องการฮั้วเลือก สว.67 ไว้เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน , อั้งยี่ และความผิดฐานยุยงปลุกปั่น


โดย อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล หนึ่งในตัวแทนของกลุ่ม สว.สำรอง ระบุว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ เชื่อว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดจำนวนมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้มีพฤติการณ์เหิมเกริม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงกังวลว่า สว. ที่มาจากกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง อาจใช้อำนาจในทางที่ผิด หรือใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ จึงอยากให้ ดีเอสไอ ตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ และเอาผิดบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนการที่ ดีเอสไอ เลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 6 มีนาคม เพื่อรอฟังคำชี้แจงจาก กกต. ก่อน ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังนิดนึง แต่ก็เข้าใจในเหตุผล และยังเชื่อมั่นว่าในวันที่ 6 มีนาคม ดีเอสไอ จะรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ขณะที่ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ มองว่า กกต. อาจเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการฮั้วเลือก สว.

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรม ระบุว่า เนื่องจากที่ประชุมบอร์ดคดีพิเศษ เมื่อวานมีข้อสงสัยเรื่องกฎหมายในเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กกต. จึงต้องการรอความชัดเจนจาก กกต. ก่อน แต่เนื่องจาก กกต. เป็นองค์กรอิสระ การเชิญมาให้ข้อมูลจึงอาจเป็นการส่งเอกสารมาชี้แจง ไม่ใช่การเดินทางมาด้วยตัวเอง ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปก้าวก่าย กกต. และไม่มีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน
เพราะความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. แต่ กกต. ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบความผิดอาญา เรื่อง อั้งยี่ หรือฟอกเงิน พร้อมย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง
“ทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่เกมการเมือง ใครทำผิดกฎหมาย รัฐมนตรีหรือใครทำผิดกฎหมายต้องถูกตรวจสอบ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดีเอสไอ เกิดขึ้นมาเพราะต้องทำคดีที่ซับซ้อน ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ เพราะคนที่ทำความผิด ส่วนใหญ่มีความรู้ทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นเขาจะหลีกเลี่ยงไม่ให้รวบรวมหลักฐานได้ เราไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งที่ 2 เราต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน”
รมว.ยุติธรม กล่าว

ส่วนการประชุมบอร์ดคดีพิเศษ ในวันที่ 6 มี.ค. จะมีคนขาดประชุมเหมือนเมื่อวานหรือไม่ รมว.ยุติธรรม ขอไม่ตอบ ย้ำเพียงว่าได้นัดประชุมไปแล้ว ยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้มีธงอะไรในใจ
ขณะที่ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ถ้าเราตัดเรื่องการเมืองออกไป เมื่อมีคนร้องทุกข์มาที่ ดีเอสไอ เราก็ต้องทำตามกฎหมาย ยืนยันว่าที่ประชุมไม่ได้สงสัยเรื่องมูลเหตุของการทำผิด แค่สงสัยในเรื่องอำนาจของ กกต.
ซึ่งที่ประชุมมีคำถามในเรื่องนี้แค่ 2 ข้อ คือ ผิดอาญาจริงไหม และเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หากที่ประชุมเห็นว่าเรื่องนี้ไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องรับไว้เป็นคดีพิเศษ ก็ต้องรอฟังว่าที่ประชุมจะมีความเห็นเป็นอย่างไร ไม่อาจตอบล่วงหน้าได้

