ถกเถียงกันมานานสำหรับการนำธุรกิจ ‘กาสิโนและการพนัน’ เข้าสู่ระบบภายใต้การควบคุมของกฎหมาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า คือหนึ่งในแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบรูปแบบใหม่และสามารถเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้อีกด้วย ซึ่งรัฐสามารถใช้รายได้จากภาษีที่จัดเก็บอย่างถูกต้องไปเยียวยาปัญหาอื่นๆเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นได้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาศึกษาการเปิด ‘สถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex)’ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยคณะกรรมาธิการฯ ศึกษาอย่างรอบด้าน ทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร โครงสร้างทางธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการเก็บรายได้เข้ารัฐ ตลอดจนการศึกษาด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร
สำหรับรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ แนบร่างกฎหมายที่สำคัญ 1 ฉบับ คือ ‘ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….’ ซึ่งมีหลักการและเหตุผลสำคัญที่เห็นว่า ‘ธุรกิจสถานบันเทิง’ จะเป็นกิจกรรมสำคัญที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่าย นอกจากนี้ยังเป็นมาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้เพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลให้ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรได้มาตรฐาน
ชำแหละ! ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ - กาสิโน
ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้มี ‘คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร’ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร นโยบายการบริหารจัดการ การป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น การพิจารณาอนุญาต ระงับหรือเพิกถอนใบอนุญาต นอกจากนี้ยังกำหนดให้มี ‘คณะกรรมการบริหาร’ ที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พร้อมจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (สำนักงาน กธบ.) เพื่อเป็นหน่วยงานเลขานุการของทั้ง 2 คณะกรรมการฯ
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
ต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบาย โดยการอนุญาตใช้วิธีการประมูลตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด โดยใบอนุญาตมีอายุ 20 ปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
คุณสมบัติผู้ขออนุญาต
- เป็นนิติบุคคล ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย
- มีทุนจดทะเบียน ซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
- ต้องมีเอกสารหลักฐานการครอบครองที่ดิน แผนผังอาคาร รูปแบบและแผนประกอบธุรกิจ
- ห้ามไม่ให้โอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่น

ขอบเขตธุรกิจกาสิโน
- มีเขตบริเวณที่ชัดเจน ควบคุมการเข้าออก
- ห้ามผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี เข้าเล่นการพนัน
- ห้ามบุคคลซึ่งถูกสำนักงานสั่งห้ามเข้าสถานประกอบการธุรกิจกาสิโน
- ห้ามบุคคลซึ่งถูกศาลสั่งห้ามเล่นการพนัน
- ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งจะเข้าเล่นหรือเข้าพนันคาสิโนต้องลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด
ประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจร
- ห้างสรรพสินค้าครบวงจร
- โรงแรมระดับ 5 ดาว
- ร้านอาหารและบาร์
- ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่
- ศูนย์สุขภาพครบวงจร
- สนามกีฬา
- ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ
- สถานที่เล่นเกม
- สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
- สวนสนุก
- พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP
- กิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
สถานที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
ร่างกฎหมายกำหนดว่า ‘สถานบันเทิงครบวงจร’ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด ซึ่งแม้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้กำหนดในกฎหมายชัดเจน แต่คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า
พื้นที่นั้นจะต้องมีความพร้อมหลายประการ เช่น ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ ท่าเรือ มีระบบขนส่งสาธารณะ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ โดยควรเลือกจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม หากมุ่งไปที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ควรเป็นพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลักหรือพื้นที่ในต่างจังหวัด สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่กรรมาธิการได้จากการศึกษาถึงความเหมาะสม ได้แก่
- พื้นที่ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากสนามบินสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา
- ครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงใน 17 จังหวัดของภาคกลางและภาคตะวันออก
- พื้นที่ของจังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด
- พื้นที่ตามแนวชายแดนรวม 22 จังหวัด
การจัดเก็บรายได้และภาษี
- ควรตั้ง ‘ภาษีกาสิโน’ ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเก็บกับผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน
- รัฐอาจตั้งอัตราภาษีระดับต่ำช่วงแรก เพื่อดึงดูดการลงทุนและขึ้นอัตราภาษีให้มีระดับที่สูงขึ้นในระยะกลางและระยะยาวตามลำดับ
- นอกจากนี้ยังควรมีการเก็บภาษีสรรพากรขั้นบันได
- ผู้เล่นควรได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำหรับผลการศึกษาของกรรมาธิการฯ ยังพบว่า การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร จะช่วยลดอัตราการว่างงานของคนในพื้นที่ และเกิดการจ้างงานมากขึ้น ซึ่งประชาชนจะหันไปพึ่งการพนันผิดกฎหมายน้อยลง ทำให้ปัญหาการเกิดอาชญากรรมและการฆ่าตัวตายลดลง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ลดภาระการปรับบ่อนเถื่อน ลดปัญหาผู้มีอิทธิพล นอกจากนี้ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเงินในระบบไม่ให้ไหลออกนอกประเทศ เกิดการจัดเก็บภาษีที่มีอัตราสูงกว่าปกติ รวมถึงรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจากธุรกิจปีละหลายแสนล้านบาท
มีด้านบวกก็ย่อมมีด้านลบ
กรรมาธิการฯ ได้ศึกษาข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กรณีปล่อยให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายอาจทำให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว จนพัฒนามาเป็นปัญหาสังคม อาจเกิดปัญหาอาชญากรรม ลักทรัพย์ ราวทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โดยมีข้อกังวลว่า อาจถูกใช้เป็นแหล่งในการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย เกิดกลุ่มผู้มีอิทธิพล แหล่งมั่วสุม รวมถึงผู้เล่นพนันรายใหม่ และคนติดพนันเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบเชิงลบด้านเศรษฐกิจ เพราะการมี ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ อาจทำให้ผู้เล่นมีนิสัยเกียจคร้าน ไม่สนใจประกอบอาชีพสุจริต คนที่เล่นได้ทำให้มีเงินใช้สอยฟุ่มเฟือย เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิด
แม้ว่า รายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องนี้จะผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภาฯ ไปได้ แต่ก็ยังต้องผ่านคณะรัฐมนตรีอีกหนึ่งด่านใหญ่ กว่าจะมีกฎหมายออกมาเป็นรูปธรรม แน่นอนว่า การมี กาสิโนถูกกฎหมาย ย่อมมีทั้งผลลัพธ์เชิงบวกและเชิงลบ สุดท้ายแล้วทุกฝ่ายคงต้องพิจารณาเรื่องนี้กันอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้คนไทยและประเทศชาติได้รับประโยชน์มากที่สุด