ชัยชนะ เดชเดโช ประธานกรรมาธิการตำรวจ เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ ได้เชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ ตัวแทนจากกรมราชทัณฑ์และผู้ร้องคือ วัชระเพชรทอง มาสอบถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการพักรักษาตัวของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องความเป็นมาของระเบียบการปฏิบัติ กับนักโทษว่ามีระเบียบราชการอย่างไร โดยวางประเด็นซักถามไว้ว่า เป็นผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลจริงหรือไม่ ได้รับการปฏิบัติจากโรงพยาบาลอย่างไร เหนือจากนักโทษคนอื่นหรือมีความเสมอภาคเท่าเทียมกับนักโทษคนอื่นหรือไม่ และจะอยู่นานหรือไม่ และในส่วนของกรมราชทัณฑ์ จะสอบถามกรณีที่การพักรักษาตัวของทักษิณเกินกว่า 120 วันจะมีแนวทางปฏิบัติกับทักษิณอย่างไร เพราะในส่วนภาคประชาชนมีความเคลื่อนไหวทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ ยืนยันไม่ได้มีธงเอาผิดใคร แต่ต้องการสอบถามเพื่อให้มีข้อเท็จจริงเนื่องจากมีผู้ร้องมา
ชัยชนะ ยังขอมองระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ ด้วยความเป็นกลาง ว่า ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณได้ เพราะกฎกระทรวงประกาศใช้เมื่อ 25 กันยายน ปี 2563 หลังจากนั้นมีการแก้ไขระเบียบลดโทษ 1 ใน 3 เมื่อ ปี 2564 และใช้ปี 2566 ดังนั้นเมื่อการทำเมื่อปี 2563 จะต้องการเอื้อ นักโทษคนใดคนหนึ่งคงไม่จริง เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่านายทักษิณจะกลับมามอบตัวในปีนี้ แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะไปคุมขังที่บ้านพักอาศัย เพราะบ้านพักอาศัยมีความพร้อมต่างกัน และจะได้รับการปฏิบัติตนต่างกัน โดยถ้าเป็นความต้องการลดความแออัดในเรือนจำขอเสนอให้ คุมขังที่ค่ายทหาร เพราะมีโรงนอนเรือนนอนว่างมากมายไม่ต้องปรับปรุงติดแอร์ใหม่ สามารถเอานักโทษมาในค่ายทหารได้ อีกทั้งมีระเบียบ สามารถฝึกระเบียบทหารและทำให้มีสุขภาพที่ดี
ชัยชนะ กล่าวอีกว่า ในคืนนี้ เวลา 22.00 น. กรรมาธิการตำรวจจะลงพื้นที่ตรวจสถานบริการ ย่าน RCA ภายหลังจากที่กระทรวงมหาดไทย ขยายเวลาเปิดถึงตี 4 และรัฐมนตรีว่ากากระทรวงมหาดไทยเคยลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงแล้วพบยาเสพติด จึงจะไปดูว่าย่านสถานบันเทิง RCA มีใบอนุญาตถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่
ชัยชนะ ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ควรเร่งรัดเรื่องนี้จะปล่อยให้ไม่มีงบประมาณใช้อย่างนี้เศรษฐกิจจะแย่ ถ้าเอาเวลาไปคิดเรื่องแต่กู้เงินไปต่างประเทศ จะเป็นศรีธนญชัยไปแต่ละวัน นายกรัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบและเร่งรัดให้ได้ เพราะงบประมาณปี 2567ได้มีการวางกรอบเวลา หรือไทม์ไลน์ไว้เดือนช่วงพฤษภาคมในการใช้งบประมาณได้ และกว่าจะอัดฉีดในระบบ ก็ช่วงเดือนสิงหาคม แต่ขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจเราแย่ ดังนั้น เห็นว่า นายกรัฐมนตรีต้องเร่งรัดเรื่องนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาวันที่ 3-4 มกราคม 2567 และตามกฎหมายรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ 105 วัน ก็จะครบประมาณเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน กว่าจะประกาศใช้ก็เดือนพฤษภาคม แต่ถ้าล่าช้าออกไปอีก จะกลายเป็นมิถุนายน-กรกฎาคม และงบประมาณปี 2567 กับปี 2568 จะไปพัวพันกันแล้วจะมีปัญหาได้