เหน็บ ‘เพื่อไทย-รัฐบาล’ ชี้ 8 เดือน ‘เงินดิจิทัล’ คืบหน้าแค่หา ‘แพะรับบาป’

5 พ.ค. 2567 - 09:29

  • ‘ชัยชนะ’ เหน็บเจ็บ 8 เดือน ‘เพื่อไทย-รัฐบาล’ ลุย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’

  • แต่กลายมาเป็น ‘พายุหมุน’ ทำเดินหน้าไม่ได้เสียเอง แถมคืบหน้าแค่หา ‘แพะรับบาป’

  • แนะดึง ‘คนละครึ่ง’ คัมแบ็คปรับปรุงแก้ไข ช่วยอุ้มคนกังวลเรื่องภาษีให้เข้าร่วมให้มากขึ้น

Chaichana-taunts-the-Digital-Wallet-project-SPACEBAR-Hero.jpg

ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ว่า ขณะนี้รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำบริหารประเทศมาเป็นระยะเวลา 8 เดือนแล้ว และชาวบ้านต่างคาดหวังว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีภาพจำว่าเป็นพรรคการเมืองที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดี จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ผ่านนโยบายต่างๆ

โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่พรรคเพื่อไทยอวดอ้างว่า จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจถึง 4 ลูก แต่ในความเป็นจริง นโยบายดังกล่าว กลายเป็นพายุหมุนที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปตามที่คาดหวังไว้ 

และเหมือนกับที่เคยให้ข่าวว่า เป็นนโยบายที่เข้าทำนองที่ว่า “กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง” เพราะพรรคเพื่อไทย คงคิดเอาเองว่า ที่มีคนเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา คือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็เลยพยายามเดินหน้าโครงการนี้อย่างเต็มที่

แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจริงๆ แล้ว ปรากฏพบความจริงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ยังสามารถเดินหน้าไปต่อได้ จนทำให้ขุนพลของพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาพูดกล่อมประสาทประชาชนว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในขั้นวิกฤต จึงจำเป็นต้องมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ความเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ เป็นต้น สำหรับแหล่งเงินทุนซึ่งหวยไปออกที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นหลักนั้น ก็ถือว่ารัฐบาลเกิดอาการ “เข้าตาจน”

อย่าลืมว่า ขณะนี้รัฐบาลยังคงค้างหนี้ในโครงการจำนำข้าวอยู่อีก 2.4 แสนล้านบาท และยิ่งก่อหนี้ตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้งบฯ 1.7 แสนล้านบาท รัฐบาลก็จะติดหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  4.1 แสนล้านบาท 

รวมทั้งจะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่า ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ไม่นับเสียงคัดค้านที่มาจากทุกสารทิศ ที่แสดงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการ โดยส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่า จะเป็นโครงการที่เข้าทำนอง ได้ไม่คุ้มเสีย และมีนโยบายอื่นๆ ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า

ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาล มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนเสียใหม่ เพราะเชื่อว่าหากดันทุรังไปจนถึงปลายทางแล้ว พรรคเพื่อไทยอาจจะได้รับคะแนนนิยมจนชนะการเลือกตั้งก็จริง แต่ก็ทิ้งความเสียหายให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ยิ่งเอาเงินจริงไปผูกกับความผันผวนในตลาดเงินดิจิทัลแล้ว ถือเป็นการเอาอนาคตประเทศไปแขวนอยู่กับเส้นด้ายที่บอบบางเป็นอย่างมาก

อันที่จริง ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็มีความคืบหน้าอยู่ แต่เป็นความคืบหน้าในการหา ‘แพะรับบาป’ เพราะแรกเริ่มเดิมที แพะตัวแรกที่สังเวยไปแล้ว ก็คือ ‘กฤษฎีกา’ เพราะเมื่อมีความเห็นทางกฎหมายออกมาว่า ต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กลายเป็นว่า มวลชนที่สนับสนุนก็ออกมาโจมตีกฤษฎีกา ต่อมาก็มีแนวคิดที่จะใช้เวทีรัฐสภา ในการออกพระราชบัญญัติ ผมก็รู้ทันทีว่า รัฐบาลจะโยนบาปให้กับ สส.ที่ไม่เห็นด้วยและลงมติไม่เห็นชอบ จะได้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ประชาชนโกรธแค้น และกลายเป็นแพะรับบาปในสายตาประชาชน และล่าสุด ที่คราวนี้ พรรคเพื่อไทยถึงกับเล่นใหญ่ โดยระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคในการทำงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทย พยายามให้ประชาชนเข้าใจว่า ธปท. เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบาย ซึ่งจะกลายเป็นแพะรับบาปอีกรายหนึ่ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ราบรื่นนัก เพราะฉะนั้น จึงเห็นว่าการนำสิ่งที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว อย่างเช่น ‘โครงการคนละครึ่ง’ ที่ชาวบ้านเข้าใจเป็นอย่างดี และก็มีแอปฯ ‘เป๋าตัง’ อยู่แล้ว มาปรับให้เกิดความเหมาะสม เพราะชาวบ้านก็ยืนยันแล้วว่าโครงการคนละครึ่ง สามารถสร้างกำลังซื้อให้เกิดความคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น

ส่วนข้อบกพร่องของโครงการคนละครึ่ง ที่เจ้าของร้านค้าเกรงว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมนั้น รัฐบาลก็ต้องหามาตรการจูงใจให้คลายกังวล เพื่อให้เจ้าของร้านค้ามาร่วมโครงการให้ได้ มากกว่าการคิดโครงการที่หวือหวาให้คนมาลงคะแนนเสียง แต่เสี่ยงที่จะดำเนินการไม่ได้ในทางกฎหมายและข้อปฏิบัติ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์