



ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการข้อสรุปว่าจะมีการเปิดไต่สวนหรือไม่อย่างไร เพียงแต่หลังจากนี้ ศาลก็จะส่งหนังสือไปถึงพยานบุคคล ซึ่งไม่ทราบว่า ศาลจะเลือกพยานท่านใดบ้าง เพื่อให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเป็นเอกสารภายใน 7 วันหลังได้รับหนังสือ หมายความว่าพยานบางส่วนศาลจะไม่เรียกมาไต่สวนในชั้นศาล แต่จะขอความเห็นเป็นเอกสาร และศาลนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า เป็นการนัดเพื่ออ่านคำวินิจฉัย ซึ่งยังไม่ใช่ ศาลยังไม่ได้นัดอ่านคำวินิจฉัย แต่เป็นประชุมกันต่อว่า กระบวนการพิจารณาคดีนี้จะเป็นอย่างไรต่อ จะมีการไต่สวนหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราก็คาดหวังว่า จะมีการไต่สวนเพราะว่าวันที่ 9 ก.ค.ได้มีการนัดคู่กรณีไปตรวจพยานหลักฐาน ดังนั้นหมายความว่า หากมีการนัดไต่สวน ก็คิดว่ากระบวนการกว่า จะมีการวินิจฉัยได้อย่างเร็วก็น่าจะเป็นเดือน ส.ค.
เมื่อถามว่าการที่ศาลให้พยานส่งเอกสารเป็นเอกสารจะทำให้พรรคก้าวไกลเสียเปรียบหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวต่อว่า เราไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเลือกพยานท่านไหนบ้างที่จะให้ส่งความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียว เพราะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าพยานทั้งหมดที่เราเสนอไป 10 กว่านั้น ศาลจะเลือกขอความเห็นกี่คนศาลไม่ได้บอกว่าจะเลือกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เราก็ยังหวังว่าพยานปากสำคัญจริงๆจะมีโอกาสได้ไปให้การต่อศาลในการไต่สวนสาธารณะ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในการได้พิจารณาข้อต่อสู้ เหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้
เมื่อถามว่าสเตปต่อไปก้าวไกลจะทำอย่างไรต่อ นายชัยธวัช กล่าวว่า เราก็ต้องเตรียมพร้อมเรื่องพยาน และรอฟังมติของศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค. และวันที่ 9 ก.ค. ก็ไปตรวจพยานหลักฐานแค่นั้น ส่วนจะต้องมีการปรับอะไรหรือไม่ ก็ยังไม่ต้องมีการเปลี่ยนแผนอะไร ตอนนี้ก็เดินหน้าทำงานเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามในกระบวนการขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ เราจะไม่รู้จนกว่าพยานที่เราเสนอชื่อไป ได้แจ้งกับเราว่าได้รับหนังสือติดต่อจากศาลรัฐธรรมนูญ ดั้งนั้นหลังจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็จะประสานงานกับพยานทุกคนที่เราเสนอชื่อไปว่ามีใครบ้างที่ได้รับหนังสือจากศาลรัฐธรรมนูญ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่มีการส่งความเห็นเป็นเอกสารไปแล้ว จะมีพยานคนไหนบ้างที่ศาลจะอนุญาตให้ไปให้การในชั้นไต่สวน
เมื่อถามถึงกรณีการตั้งพรรคสำรอง นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ส่วนตัวคิดว่า เรายังต่อสู้อย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุดก่อน ทั้งนี้ เรายังสามารถยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่เท่าที่ยื่นไปแล้วก็พอสมควรแล้ว จึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่า เรียกพยานท่านใดบ้าง และจะเรียกเป็นเอกสารเท่านั้น หรือเรียกบางท่านไปให้การในชั้นไต่สวน ซึ่งเราก็หวังว่า พยานสำคัญๆ จะมีโอกาสไปให้การต่อชั้นศาลในการไต่สวนสาธารณะ
เมื่อถามว่ามติของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าพอใจต่อพรรคก้าวไกลหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีอะไรมากสำหรับมติในวันนี้ เพียงแต่ศาลนัดกระบวนการขั้นต่อไปว่าต้องทำอะไร จึงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนมีความกังวลอะไรหรือไม่นั้น เราไม่ได้วิตกอะไร เพราะคิดว่าเราต่อสู้ในแง่ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นกระบวนการปกติ ไม่ได้เป็นสัญญาณบวกหรือลบอะไร เพียงแต่ว่าในคดีที่แล้ว ไม่มีการที่จะเชิญพยานไปไต่สวนในชั้นศาล เพียงแต่ขอความเห็นเป็นเอกสารเท่านั้น ซึ่งเราเห็นว่าในคดีที่สำคัญและมีโทษถึงขนาดยุบพรรคและตัดสิทธิ์คณะกรรมการบริหารพรรคการเปิดไต่สวนและเผยแพร่ต่อสาธารณะน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และทำให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้รับ เพราะพิจารณาเหตุและผลจากทุกฝ่ายทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องอย่างรอบด้านที่สุด
เมื่อถามว่าท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้เป็นไปตามคาดหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อย คิดว่ามันก็มีโอกาส จากเดิมที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรแล้ว ส่วนตัวคิดว่า ข้อต่อสู้ของเรา ก็มีน้ำหนักที่ตนเองคิดว่า มีประเด็นที่ศาลต้องพิจารณา ดูจากการนัดไปตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค. ก็มีโอกาสที่จะมีประเด็นที่จะต้องไต่สวน
ส่วนกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการประกันตัวในคดี 112 ชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องการประกันตัวในคดี 112 ประเด็นสำคัญก็คือเราอยากเห็นเรื่องสิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิทั่วไปพื้นฐานสำหรับคนทุกคนเสมอหน้ากัน กรณีที่จะไม่ได้รับสิทธิประกันตัวควรเป็นกรณียกเว้นเท่านั้น เรื่องการได้รับประกันตัวไม่ควรเป็นเรื่องอภิสิทธิ์ของใคร ควรจะได้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ยกเว้นคนที่มีโอกาสที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นต้น จึงไม่ควรได้รับสิทธิในการประกันตัว ซึ่งวันนี้ทักษิณได้รับการประกันตัว แต่ส่วนตัวก็ทราบว่า มีทนายความของนักกิจกรรมทางการเมืองก็ได้ไปยื่นประกันตัวจำเลย หรือผู้ต้องหาในคดี 112 จำนวน 12 ท่าน ก็ยังไม่ได้ติดตามข่าวว่าเป็นอย่างไร แต่หวังว่าจะได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานเสมอหน้ากัน
เมื่อถามว่าคดี 112 เป็นการติดชนักให้ทักษิณของผู้มีอำนาจหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้หลายคนก็มองแบบนั้น แต่มันก็เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เห็นว่าคดี 112 มันไปเกี่ยวพันกับการต่อสู้ทางการเมือง และความขัดแย้งทางการเมือง ในช่วงที่ผ่านมาอย่างปฏิเสธไม่ได้