Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo00.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo01.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo02.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo03.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo04.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo05.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo06.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo07.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo08.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo09.jpg

'จักรภพ' คัมแบ็กในรอบ 15 ปี จ่อเข้าพบ 'ทักษิณ ทันทีที่มีโอกาส

28 มีนาคม 2567 - 08:29

  • ‘จักรภพ’ คัมแบ็กเมืองไทยรอบ 15 ปี ไม่ปฏิเสธคืนรังวงการเมือง แต่ขอไม่เป็นตัวขัดแย้ง ตอนนี้เป็น ‘หนูทดลองยา’ พาผู้ลี้ภัยกลับบ้าน จ่อพบ ‘ทักษิณ’ ถ้ามีโอกาส

Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo00.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo01.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo02.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo03.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo04.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo05.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo06.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo07.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo08.jpg
Chakrapop-returned-to-Thailand-in-15-years-SPACEBAR-Photo09.jpg

‘จักรภพ เพ็ญแข’ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลับมาจากการลี้ภัยในต่างประเทศ นานกว่า 15 ปี ถูกพนักงานสอบสวน กองบังคับการกองปราบปราม บันทึกจับกุมและสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาพบปะสื่อมวลชน ซึ่งในระหว่างนั้น จักรภพได้แสดงคำนับและถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 

ก่อนจะให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ตนเองมามอบตัวเพื่อสู้คดี 2 คดี ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวกับอาวุธทั้งหมด ที่ฟ้องโดยศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศาลอาญา โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประสานกับทนายความ และประสานกับเจ้าหน้าที่ ทำให้การทำงานวันนี้รวดเร็ว พร้อมระบุว่าเดินทางออกจากประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 รู้สึกว่าเสียดายเวลาในการรับใช้ชาติ ต่อจากนี้ไปจึงตั้งใจว่าอะไรที่ทำให้ประเทศชาติดีขึ้นได้ก็จะทำ 

พร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยพูดไว้ขณะที่เกิดรัฐประหาร ปี 2549 ขณะนั้นไม่มั่นใจสิ่งที่พูด สิ่งที่คิด สิ่งที่กระทำลงไป   แต่เมื่อผ่านมาแล้ว  15 ปี คิดอะไรได้เยอะขึ้น ซึ่งตอนนี้เองก็ไม่สามารถแก้ไขได้ อยากจะบอกกับพี่น้องสื่อมวลชนหนึ่งอย่าง ว่าอยู่ในเมืองไทยอาจไม่เห็นปัญหาเท่ากับการอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะมิติที่ดีในหลายเรื่อง อย่างเรื่องการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น  

เมื่อถามว่า การกลับประเทศไทยครั้งนี้มีดีลลับหรือไม่ จักรภพบอกว่า เรียกดีลฟังดูไม่ค่อยดี แต่ทุกอย่างที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการพูดคุย เสมือนการพูดคุยเพื่อหาจุดร่วม แทนที่จะหาจุดต่าง แล้วเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง แต่ที่สำคัญที่สุดการเมืองภาพใหญ่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ซึ่งพูดไม่ได้มากกว่านี้ สิ่งที่พัฒนาขึ้นจากเดิมที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ แต่ปัจจุบันก็พอพูดคุยกันได้ 

เมื่อถามถึงว่า รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องในการกลับมาหรือไม่ จักรภพ ระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการพูดคุยกัน แม้กระทั่งกลุ่มผู้มีอำนาจที่เคยทำรัฐประหารด้วย ดังนั้นต้องย้อนกลับไป 9-10 ปี ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าสู่ภาวะอย่างไรไปบ้าง 

“มันเกิดขึ้นได้ เพราะฝ่ายประชาธิปไตยเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่ฝั่งก่อรัฐประหารก็เบาบางลง พี่ขอใช้คำว่ากลับมารับใช้ประเทศไทย ซึ่งไม่จำกัดบทบาท การเมืองอาจเป็นหนึ่งในนั้น แต่ที่แน่นอนคือไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับใครทั้งสิ้น ” จักรภพ กล่าว  

เมื่อถามย้ำว่า มีการพูดคุยถึงการกลับประเทศกับใคร  จักรภพกล่าวว่าทุกคนในประเทศไทย ไม่มีใครไม่รับรู้ผลกระทบระดับโลก สมัยก่อนเคยมีผู้ที่ใหญ่กว่า รวยกว่า ไม่ได้รับผล แต่ทุกวันนี้ทุกคนต่างประสบปัญหาร่วมกัน ฉะนั้นคนที่มาพูดคุยก็มาพูดผ่านพื้นฐานเรื่องนี้ ว่าต้องแก้ปัญหาร่วมกัน 

หากมีการทาบทามให้เข้าทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรีจะเข้าร่วมหรือไม่ จักรภพตอบว่ายินดีรับ แต่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในพรรคการเมือง หากประเมินแล้วว่าการเข้าไป จะส่งผลถึงความขัดแย้งในพรรคการเมือง ก็จะขอทำงานอยู่เบื้องหลัง 

ในประเด็นที่ว่ามีการพูดคุยกับทักษิณหรือไม่ ส่วนตัวขอยืนยันว่าเคย แต่ละคนก็ต้องทำการบ้านกันทั้งนั้น เพราะมีคดีคนละรูปแบบ ยัำว่าเป็นการพูดคุย ไม่ใช่การขอคำปรึกษา แต่ทักษิณได้ฝากข้อความสำคัญไว้ว่า ‘ยุคนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปในที่ดีขึ้น’ ส่วนจะเข้าไปพบทักษิณหรือไม่ จักรภพยืนยันว่าไปพบแน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ยังไม่ได้คิด จะขอเป็นโอกาสแรกที่สามารถทำได้ เพราะคิดถึง และอยากถามทักษิณว่ามีความสุขดีหรือไม่  

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหลังจากนี้จะมีอดีตแกนนำ หรือผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับมาบ้างหรือไม่ จักรภพระบุว่า ตนเองจะขอเสนอตัวเป็นคนช่วยเหลือบุคคล ที่อยากกลับประเทศทแต่มีคดีทางการเมือง อาทิ ‘จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ’ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมย้ำว่า ที่กล่าวแบบนี้ไม่ใช่เลือกที่รักมักที่ชัง แต่จะขอดูคดีความไป หากคดีความสามารถดำเนินการได้ง่ายก็จะช่วย ส่วนวิธีการช่วยเหลือคือ การสร้างความมั่นใจ ในฐานะที่ตนเองเดินทางเข้ามาก่อน เปรียบเสมือนหนูทดลองยา 

แต่จะรวมถึง ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น จักรภพระบุว่า ขณะนี้ทราบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีจำนำข้าว ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ท่านก็อยากกลับบ้านเหมือนทุกคน แต่ตนเองคงไม่มีสติปัญญามากพอ ที่จะไปช่วยในระดับนั้นได้

โดยหลังจากนี้สิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรก คือการไปกราบร่างแม่ที่ยังไม่ได้รับการฌาปนกิจ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ส่วนบิดาแม้ว่าจะฌาปนกิจไปแล้ว ก็จะไปกราบที่บ้านของน้องชายต่อไป 

ช่วงท้าย จักรภพกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลเศรษฐาว่า บทบาทของเศรษฐา ไม่ค่อยจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีที่ลุยทำงานอย่างเดียว แบบขอทำงานไปข้างหน้าก่อน แล้วค่อยมาดูบทสรุปภายหลัง ก็คิดว่าเป็นทรรศนะที่ดี เพราะถ้าเราท้อถอยเรื่องหนึ่งแล้วทำอีกเนื่องหนึ่ง  นายกฯ มีข้อเด่นสำคัญคือเคยบริหารงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ระดับที่บริการได้ที่เดียว 10-20 โครงการ เป็นคนที่มีหยักในสมองเยอะ  

ส่วนจะมีคำแนะนำกับนายกฯ หรือไม่ จักรภพระบุว่าไม่มี แต่อยากเสริมสองเรื่อง ซึ่งสุดแล้วแต่ท่านว่าจะรับหรือไม่ คือการจับตามองความเปลี่ยนแปลงในระดับนานาชาติ เรื่องนี้ทิ้งไม่ได้ ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องที่ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีแนวทาง และวิธีในการสู้ชีวิตทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็เห็นว่ารัฐบาลกำลังทำเรื่องนี้อยู่ ส่วนจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ มองว่าเป็นธรรมดาของการต่อสู้ทางการเมือง รัฐบาลทำดีก็มีคนชม ทำไม่ดีก็มีคนด่า คนติ และในปัจจุบันนี้เราก็มีฝ่ายค้านที่ดีกว่ายุคก่อน ทั้งสองอย่างนี้เองก็หนุนเสริมกัน  

ด้านกระบวนการยุติธรรม ‘โชคชัย อ่างแก้ว’ ทนายส่วนตัวระบุว่า วันนี้จักรภพ ได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ และใช้หลักทรัพย์ในการดำเนินการ คดีละ 200,000 บาท

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์