เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือฤกษ์ 07.30 น. สวมชุดผ้าไทยสีเขียวอ่อน เดินทางเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำพรรคด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นวันแรก ขณะที่มีบรรดา สส. อดีต สส. และ กรรมการบริหารพรรคมาให้กำลังใจ มอบช่อดอกไม้ ตั้งแต่ เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการพรรค ,นริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรค ,ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรค ,พิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ,วุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี ,สมยศ พลายด้วง สส.สงขลา ,จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์
จากนั้น เฉลิมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเป้าหมายในการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า วันนี้เข้าทำงานเป็นวันแรก และคงทำความเข้าใจถึงแนวทางการทำงานกับข้าราชการ โดยจะดูภารกิจหลักของกระทรวง ซึ่งมีความตั้งใจว่า เข้าไปแก้ปัญหา ลดความขัดแย้ง ระหว่างรัฐกับชาวบ้าน และเร่งรัดการกำหนดแนวเขตแดนป่าไม้ และเขตอุทยาน โดยจะขอเข้าไปดูในรายละเอียดก่อน
“ผมเข้าใจว่าวันนี้ทุกคนกำลังจับตาดูอยู่ ผมก็จะทำให้ดีที่สุด แต่วันนี้ยังไม่รู้ว่าต้นตอ ความลึกตื้นของปัญหาเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องมาดูว่าอะไรคือกฎหมาย อะไรคือความเดือดร้อนของชาวบ้าน แล้วมาแยกแยะตรงนั้น กฎหมายต้องใช้บังคับ มนุษยธรรมก็ต้องมี” เฉลิมชัย กล่าว
เฉลิมชัย ยังยืนยันว่า รัฐมนตรีของพรรคทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนการประเมิน ก็ทำอยู่ในตัวอยู่แล้ว
“ถ้าอยากจะเห็นพรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าด้วยใจที่บริสุทธิ์จริง มาให้กำลังใจกัน แนะนำกัน ผมว่าพวกเราทุกคนพร้อมจะรับฟัง มาช่วยกันทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นเรื่องเล็ก ประเทศถึงจะเป็นเรื่องใหญ่” เฉลิมชัย กล่าว
ส่วนรู้สึกกดดันหรือไม่ หลังจากที่มีผลโพลผลสำรวจออกมา และถือเป็นบทบาทที่ท้าทายที่จะเรียกศรัทธากลับคืนมาหรือไม่ เฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เรารับฟังทุกความคิดเห็นจะดี จะร้าย จะชมหรือด่า เราต้องรับฟังในฐานะหัวหน้าพรรค เราจะต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ ในชีวิตคนๆ หนึ่ง หรือชีวิตองค์กรๆ หนึ่ง ในชีวิตของเขาทำได้ดีที่สุดในชีวิต คือดีที่สุด ไม่มีที่สุดๆ ไม่มีหรอก สำหรับโพลนั้น ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจพรรคประชาธิปัตย์ เราก็รับฟังความคิดเห็นและมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นและเราจะขับเคลื่อนอย่างไร
“มีสิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้ ไม่อยากพูดหรอก คิดไว้ในใจ คิดไว้อยู่ตลอดในฐานะเป็นหัวหน้าองค์กรว่า เคารพในผลโพล เคารพในความคิดเห็น แต่ผมจะหักปากกาโพลให้ดู” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อมาในเวลา 08.00 น. เฉลิมชัย เดินทางถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยมีข้าราชการกระทรวงฯ ให้การต้อนรับ จากนั้นได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ พร้อมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในเรื่องการแก้ปัญหาที่ดิน สปก. ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ได้พูดคุยกับผู้รับผิดชอบโดยตรงก่อน เรามาเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้สร้างปัญหา ตนเองอยู่กระทรวงเกษตรก็ทราบปัญหานี้มาบ้าง พอมาอยู่กระทรวงทรัพยฯ ก็จะใช้ความสัมพันธ์ตรงนี้มาแก้ปัญหาข้อผิดพลาดของที่ดิน ขณะที่ส่วนการเยี่ยมกรมในสังกัด ถ้ามีเวลาก็จะไปเยี่ยม ถ้าไม่มีเวลาก็จะเชิญมาคุยเรื่องงาน ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นผู้ประสาน สิ่งแรกที่อยากจะทำคือการพูดคุยทำความเข้าใจกับข้าราชการเรื่องแนวทางการทำงาน อาจะมีการประชุมและมอบนโยบายหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ
เมื่อถามถึงกรณีร้อน เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น ป่าทับลาน เฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้มีการพูดคุยในระดับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก่อน อย่าเพิ่งพูดถึงแนวทางตอนนี้ เป้าหมายของเราคือ การให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้
เมื่อถามถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ โดยเฉพาะประเด็นนโยบาย การนำสิ่งผิดกฎหมายใต้ดินขึ้นมาบนดิน ทำให้ถูกกฎหมาย เฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำก็โดนจับ แต่การจะทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าหยิบขึ้นมาข้างบนแล้วจะถูกต้องเลย หัวใจคือการออกกฎหมายที่จะใช้บังคับ ส่วนโครงการ Entertainment Complex เห็นว่าอะไรที่ทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ ก็โอเค แต่ต้องชัดเจนว่าไม่เอื้อนายทุน มีการบริหารจัดการที่ดี ไม่มีผลกระทบภายหลัง การจะสนับสนุนโครงการนี้ ต้องอยู่ในเกณฑ์
ส่วนที่นโยบายรัฐบาล ไม่ปรากฏการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ขอให้ทุกคนคิดว่า ปัญหาคอร์รัปชัน ไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ในนโยบาย แต่เป็นสำนึกของทุกคน ของรัฐมนตรี ของ ครม. ไม่มีคอร์รัปชัน ถ้ามีสำนึก เรื่องเขียนหรือไม่เขียนไม่สำคัญ อย่าเอาไปเป็นประเด็น ในเอกสารก็บรรจุเรื่องธรรมาภิบาล นั่นคือความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่หัวใจคือสำนึก เพราะมาเป็นนักการเมือง คนก็ดูถูกอยู่แล้ว ก็ต้องทำให้ประเทศชาติอย่างตั้งใจ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเรียนจบกฎหมาย มาเป็นทนายความ จากการสอน ก็ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายทุกฉบับสามารถแก้ไขได้ ถ้ามีความจำเป็นและเหมาะสม
