ถือเป็นการประเดิมงานแรกของ พิชิต ชื่นบาน ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้ เจ้าตัวได้ไปกล่าวมอบนโยบายที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยชี้ให้เห็นถึงปัจจุบันบริบทสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีภาคเอกชนและหลายหน่วยงานที่ร่วมกันตรวจสอบและรับเรื่องราวร้องทุกข์ ขณะที่หลายหน่วยงานกำลังทำการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
ที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้ามากำกับ แต่เข้ามาเสมือนเป็นเพื่อนร่วมงาน และสิ่งที่ผมพูดต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องตำหนิ ขอขีดเส้นใต้ 100 ครั้งว่า ไม่ใช่การตำหนิ ท่านทำดีอยู่แล้ว แต่เราจะมาทำให้ ‘ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล’ เป็น ‘ทำเนียบช่วยได้’ ผมจะเป็นมือไม้ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาของประชาชนมีมาก ดังนั้น เราจะทำให้ศูนย์นี้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน อยากให้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่พึ่งพาได้ ส่วนภาคเอกชนที่มีการรับเรื่องราวมาตรวจสอบ ก็ให้เขาทำไป
ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์แล้ว ยังจะเป็นศูนย์รับข้อมูลการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทุกประเภทที่พัฒนาขึ้น ทั้งเว็บพนันออนไลน์ และสื่อโซเชียลต่างๆ ที่หลอกลวงด้วย
ปัดผุด ‘ทำเนียบช่วยได้’ หวังลบภาพรัฐบาลก่อน อ้างไม่เกี่ยวการเมือง แต่ออกมาจากใจ
ภายหลัง พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงไอเดียการปรับโฉม ‘ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล’ มาเป็นโครงการ ‘ทำเนียบช่วยได้’ ก็ถูกผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตทันทีว่า อาจเป็นการลบภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี
ในเรื่องนี้เจ้าตัวชี้แจงว่า ชื่อดังกล่าว มาจากใจ มาจากความรู้สึก ไม่ได้มีเรื่องการเมืองใดๆ เพราะทำเนียบฯ ต้องช่วยได้ และรัฐบาลได้ประกาศนโยบายหลายอย่าง เพราะฉะนั้น ตรงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งขององคาพยพ ที่จะช่วยกันทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นมือเป็นไม้ของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาสังคมทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติดที่กำลังระบาด ที่นายกฯ ได้ลงไปกำชับและขันน็อต รวมถึงเว็บพนันออนไลน์
พอมาอยู่ในจุดนี้ก็ทำอะไรได้อย่างจริงจัง เข้มข้น แข็งแรง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน ผมยินดีที่จะทำ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของการเมือง เพราะคำว่า “ทำเนียบช่วยได้” เป็นเรื่องที่ผมคิดมาจากหัวใจ
เมื่อถามว่า ในขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนก็ไปร้องเรียนกับผู้มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียในจุดนี้จะทำการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร นายพิชิต กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนทำอยู่แล้ว ก็ขอให้กำลังใจ ถือเป็นเรื่องที่ดี
ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับข้าราชการว่า เป็นเรื่องดีที่เขาช่วยตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในภาครัฐเองก็ต้องทำงานแข่งกัน เพราะสุดท้ายผลประโยชน์ที่จะได้รับก็ตกอยู่ที่ประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตถึงการที่ประชาชนไปร้องเรียนกับคนมีชื่อเสียงนั้นทำงานได้รวดเร็วกว่า และไม่มีขั้นตอนเยอะเหมือนกับศูนย์รับเรื่องราวของรัฐบาล พิชิต ก็ชี้แจงถึงการหารือกับรองปลัดสำนักนายรัฐมนตรี ว่า เรื่องระบบราชการบางอย่างติดขัดระเบียบ เพราะทุกอย่างต้องใช้อำนาจตามกรอบของกฎหมาย
ขอทำหน้าที่ ‘บุรุษไปรษณีย์’ ส่งปัญหาประชาชนถึง ‘นายกฯ’ สั่งการแก้ให้สำเร็จ
เมื่อถามถึงการส่งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยงานของแต่ละกระทรวง มาประจำที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ แต่ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการนั้น พิชิต ชี้แจงว่า พอทราบปัญหาเรื่องนี้ แต่จะมีวิธีการใหม่ ซึ่งคิดวิธีไว้แล้ว พร้อมยืนยันวันนี้มีจิตใจมุ่งมั่นทำงาน แต่จะทำอย่างไรภายใน 30 วัน ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้เห็นเป็นรูปธรรม โดยจะมีขั้นตอน ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และจะจัดตั้งโฆษกของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อสื่อสารกับสื่อมวลชน และประชาชนว่าเราได้รับเรื่องร้องทุกข์อะไรไป
ถึงแม้จะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด 100% ในวันนี้เดือนนี้ ปีนี้ แต่ต้องรู้ว่าปลายทางติดขัดอะไร และจะนำปัญหาที่ติดขัดเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประสานสั่งการไปยังทุกหน่วยงานของภาครัฐ
ผมขอเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วง เพื่อให้เกิดความสุขของประชาชน
