ส่งชื่อ ‘ฉัตรชัย’ เข้า ครม. ลูกหม้อนั่ง ‘เลขาฯ สมช.’ คนใหม่ ในรอบ 10 ปี

7 ต.ค. 2567 - 10:05

  • ‘ภูมิธรรม’ ลงนามเสนอชื่อ ‘ฉัตรชัย บางชวด’ เข้า ครม. นั่ง เลขาฯ สมช. พรุ่งนี้ (8ต.ค.) เตรียมชง ครม. ต่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ 3 เดือน 15ต.ค. ขณะที่ สมช. จับตาสงคราม ‘อิสราเอล-ฮามาส’ ปะทุระลอกใหม่ แจ้งเตือนคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยง

Chatchai_National_Security_Council_SPACEBAR_Hero_64980fb8d3.jpg

มีรายงานว่า ที่ประชุม​คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2567 ที่มี ภูมิ​ธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ ​รมว.​กลาโหม​ เป็น​ประธาน​ ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.นราธิวาส ยกเว้น อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.สุคิริน , จ.ปัตตานี ยกเว้น อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ และ อ.แม่ลาน และ จ.ยะลา ยกเว้น อ.เบตง อ.รามัน อ.กาบัง และ อ.กรงปีนัง) ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2567 และสิ้นสุดลงในวันที่ 19 มกราคม 2568 

เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันระงับ ยับยั้งสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในพื้นที่ โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่​ 15 ต.ค. ต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ภูมิ​ธรรม​ ได้ลงนามเสนอชื่อ ฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. เป็น เลขาธิการ สมช.คนใหม่ เรียบร้อยแล้ว และจะเสนอชื่อเข้าที่ประชุม ครม.​พิจารณา​ในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.)

อย่างไรก็ตาม ฉัตรชัย​ บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ (สมช.) ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทุความรุนแรงของสงครามระหว่างกลุ่มอิสราเอลและฮามาส​ ว่า​ ขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนให้คนไทยพยายามเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือของประเทศอิสราเอลติดกับเลบานอน แต่ยอมรับว่ามีประชาชนบางส่วนไม่ยอมเคลื่อนย้ายออก​

แต่ขณะเดียวกัน มีประชาชนบางส่วนต้องการเดินทางกลับไทย โดยประชาชนจะต้องเป็นผู้ซื้อตั๋วเดินทางกลับเอง​ และมีภาครัฐเป็นผู้ประสานและอำนวยความสะดวก​ให้​ แต่ทาง สมช.และสถานทูตพยายามติดตามอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงประสานกับประชาชนในพื้นที่อยู่ตลอด

​ฉัตรชัย​ กล่าวว่า มีประชาชนตกค้างในประเทศอิสราเอลประมาณ 28,000 คน ในอิหร่านประมาณ 300​ คน​ และในเลบานอน 100 กว่าคน​ ซึ่งยังไม่มีการประสานขออพยพกลับไทยแต่อย่างใด​

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์