‘ชูวิทย์' ลั่นขนลุกเลย หลัง 'เศรษฐา' ส่งทนายฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาทปมพาดพิงเลี่ยงภาษีที่ดิน เหน็บหากใจบริสุทธิ์ควรชี้แจงไม่ใช่ใช้กฎหมายปิดปาก จ่อฟ้องกลับฐานถูกกลั่นแกล้ง บอก ‘เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน’ หลังถูกถาม ‘บิ๊กป้อม’ ตกที่นั่งจักรพรรดิจะได้เป็นนายกฯ
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ศาลอาญา รัชดา ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงประเด็นที่ถูก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ฟ้องเอาผิดฐานหมิ่นประมาท ปมพาดพิงเลี่ยงภาษีที่ดิน ขณะเป็นผู้บริหารสูงสุด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
โดย ‘ชูวิทย์’ พูดด้วยน้ำเสียงและลีลาสไตล์ตัวเอง ว่า รู้สึกขนลุกเลย หลังถูกฟ้อง แต่ไม่กังวล เพราะตอนนี้ตัวเองมีคดีฟ้องร้องอยู่แล้ว 21 คดี หากโดนอีก 1 คดีจะเป็นอะไรไป พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เขาออกมาแฉเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะมาตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนายกฯ และหาก ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ใจจริง สิ่งที่ควรทำ คือ การชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้กระบวนการทางกฎหมายมาฟ้องปิดปาก ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และได้ปรึกษาทนายว่าจะฟ้องกลับในประเด็นนี้ด้วย
ส่วนหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติกรรมเลี่ยงภาษีที่ดิน ที่เข้าข่ายการโกงภาษี ไม่ใช่การวางแผนภาษี เพื่อหวังลดหย่อนภาษีตามกฎหมายนั้น ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขามีข้อมูลหลักฐานเอาผิดชัดเจน อีกทั้ง เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เคยมีคดีตัวอย่างใน ศาลอาญา คดีชำนัญพิเศษมาแล้ว เป็นกรณีที่คล้ายกับเรื่องของ ‘เศรษฐา’ แบบชัดเป๊ะ พร้อมย้ำว่า พฤติกรรมของ ‘เศรษฐา’ เข้าข่ายซ่อนเร้น และน่าสงสัยว่ามีการวางแผนร่วมมือกับคู่สัญญาในการหลบเลี่ยงภาษี
"ผมขุดหลุมพรางไว้ก่อนและล่อให้เดินตกลงมาถึงจะเอาหลักฐานมาแสดงให้ดู สิ่งที่ผู้รู้กฎหมายและผู้สนับสนุนพูด เขาก็เคยตัดสินกันมาแล้วว่าทำไม่ได้ มีความผิด หากใช้กฎหมายเว้นวรรคเป็นศรีธนญชัย 500 ล้านไม่จ่ายแม้แต่บาทเดียว แล้วมาเชิดหน้าชูตาบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องของผม ถามว่าเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่"
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าได้เตรียมส่งข้อมูลเรื่องนี้ ให้ ‘สว.’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ ใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะสนับสนุนให้ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ระหว่างที่ ‘ชูวิทย์’ กำลังเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดี เพื่อไต่สวนคดีหมิ่นประมาท ‘ทนายตั้ม’ ผู้สื่อข่าวได้ถาม ‘ชูวิทย์’ ว่าปีนี้ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อายุครบ 78 ปีตกที่นั่งจักรพรรดิ จะได้นั่งนายกฯ คิดเห็นอย่างไร โดย ‘ชูวิทย์’ นิ่งอยู่ชั่วครู และกล่าวเพียงสั้นๆ "เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน" ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดีทันที
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ศาลอาญา รัชดา ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงประเด็นที่ถูก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ฟ้องเอาผิดฐานหมิ่นประมาท ปมพาดพิงเลี่ยงภาษีที่ดิน ขณะเป็นผู้บริหารสูงสุด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
โดย ‘ชูวิทย์’ พูดด้วยน้ำเสียงและลีลาสไตล์ตัวเอง ว่า รู้สึกขนลุกเลย หลังถูกฟ้อง แต่ไม่กังวล เพราะตอนนี้ตัวเองมีคดีฟ้องร้องอยู่แล้ว 21 คดี หากโดนอีก 1 คดีจะเป็นอะไรไป พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เขาออกมาแฉเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะมาตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนายกฯ และหาก ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ใจจริง สิ่งที่ควรทำ คือ การชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้กระบวนการทางกฎหมายมาฟ้องปิดปาก ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และได้ปรึกษาทนายว่าจะฟ้องกลับในประเด็นนี้ด้วย
ส่วนหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติกรรมเลี่ยงภาษีที่ดิน ที่เข้าข่ายการโกงภาษี ไม่ใช่การวางแผนภาษี เพื่อหวังลดหย่อนภาษีตามกฎหมายนั้น ‘ชูวิทย์’ บอกว่าเขามีข้อมูลหลักฐานเอาผิดชัดเจน อีกทั้ง เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เคยมีคดีตัวอย่างใน ศาลอาญา คดีชำนัญพิเศษมาแล้ว เป็นกรณีที่คล้ายกับเรื่องของ ‘เศรษฐา’ แบบชัดเป๊ะ พร้อมย้ำว่า พฤติกรรมของ ‘เศรษฐา’ เข้าข่ายซ่อนเร้น และน่าสงสัยว่ามีการวางแผนร่วมมือกับคู่สัญญาในการหลบเลี่ยงภาษี
"ผมขุดหลุมพรางไว้ก่อนและล่อให้เดินตกลงมาถึงจะเอาหลักฐานมาแสดงให้ดู สิ่งที่ผู้รู้กฎหมายและผู้สนับสนุนพูด เขาก็เคยตัดสินกันมาแล้วว่าทำไม่ได้ มีความผิด หากใช้กฎหมายเว้นวรรคเป็นศรีธนญชัย 500 ล้านไม่จ่ายแม้แต่บาทเดียว แล้วมาเชิดหน้าชูตาบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องของผม ถามว่าเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่"
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าได้เตรียมส่งข้อมูลเรื่องนี้ ให้ ‘สว.’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ ใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะสนับสนุนให้ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ระหว่างที่ ‘ชูวิทย์’ กำลังเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดี เพื่อไต่สวนคดีหมิ่นประมาท ‘ทนายตั้ม’ ผู้สื่อข่าวได้ถาม ‘ชูวิทย์’ ว่าปีนี้ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อายุครบ 78 ปีตกที่นั่งจักรพรรดิ จะได้นั่งนายกฯ คิดเห็นอย่างไร โดย ‘ชูวิทย์’ นิ่งอยู่ชั่วครู และกล่าวเพียงสั้นๆ "เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน" ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดีทันที
