ร่ายยาวแจงยิบ! กฎหมาย ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’

กำลังเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตาอย่างใกล้ชิดสำหรับ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ ซึ่งมีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาคัดค้าน โดยมองว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการพนันได้ 100%

เรื่องนี้ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ชี้แจงว่า มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหา โดยปัจจุบันพบว่า มีคนไทยออกไปเล่นการพนันตามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจไม่ใช่การถูกกฎหมายเลยทีเดียว และยังเป็นเรื่องสีเทา ส่งผลให้เงินเหล่านี้หลุดออกไปนอกระบบ และไปก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชน

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นการ ‘ฟอกเงิน’ นั้น ศึกษิษฏ์ ชี้แจงว่า ในร่าง พ.ร.บ.กำหนดไว้ว่า การลงทุนจะต้องมีเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นล้านบาท และการลงทุนจะต้องเป็นขนาดใหญ่ ส่วนตัวเข้าใจว่า สังคมมีข้อกังวลในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

รัฐบาลจึงบอกว่า ควรจะต้องดึงผู้ประกอบการที่ดูแลและกำกับในระดับโลก ซึ่งจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทเหล่านี้ถูกกำกับโดยประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ในพื้นที่ลาสเวกัส, มาเก๊า และสิงคโปร์ ดังนั้น บริษัทเหล่านี้จะกลัวมากกว่า เพราะไม่สามารถมาสร้างความเสียหายในประเทศไทยได้ โดยหากมีปัญหาการฟอกเงินในไทย มีการติดการพนันส่งผลกระทบต่อสังคม บริษัทเหล่านี้อาจจะต้องถูกถอนใบอนุญาต

ส่วนมาตรการการป้องกันกลุ่ม ‘จีนสีเทา’ เนื่องจากมีความสนใจในเรื่องนี้นั้น เราจะมีมาตรการตั้งแต่การขออนุมัติ เมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ซึ่งบริษัทต่างๆ จะต้องยื่นแผนประกอบการลงทุน ระบุรายละเอียดผู้ถือหุ้นเป็นใคร ดังนั้น จะตรวจสอบได้ว่า ใครคือผู้ถือหุ้น

เมื่อถามถึงกรณีมีการตั้งเป้าว่า จะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 นั้น ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีระบุ เข้าใจว่า จะเป็นการเปิดให้มีการเริ่มลงทุน และเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นความตั้งใจไว้เช่นนั้น

ขณะนี้ในเรื่องของกฎหมายหากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในหลักการ จะสามารถส่งเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไปได้ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในหลักการต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง ขณะนี้ถือว่า เรื่องนี้ทุกพรรคให้การสนับสนุน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติ เนื่องจากเรื่องนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการรับฟังความเห็นไปแล้ว และผ่านการโหวตจากสภานิติบัญญัติแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พร้อมรับข้อสังเกตจากประชาชน ซึ่งไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลาย และมองเป็นประเด็นทางการเมืองมากเกินไป

หากใครที่ไม่อยากให้คนในครอบครัวเข้ามา ก็สามารถส่งรายชื่อให้เป็น  Negative list ได้ ส่วนการกำหนดค่าเข้า 5,000 บาทนั้น เป็นการระบุในบัญชีแนบท้าย ซึ่งเป็นเพียงเพดานอาจต่ำกว่านั้นได้ ต้องรอดูผลการศึกษา หากกฎหมายผ่านจะมีการจัดตั้งสำนักงานว่า ค่าเข้าควรจะเป็นเท่าไหร่? หรือตั้งที่ใด? ค่าอนุญาตอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่? ซึ่งจะมีจุดสมดุล เช่น ในประเทศสิงคโปร์ เก็บค่าเข้า 10,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นการคำนวณโดยใช้ค่าตั๋วเครื่องบิน ที่จะเดินทางไปยังกาสิโนที่ใกล้ที่สุด

ส่วนแนวคิดของเราจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้มีการคิดออกมา รวมถึงจุดสมดุลในการป้องกันทางสังคม หากใช้แนวคิดเดียวกันกับสิงคโปร์ อาจจะคิดในลักษณะที่คนไทยนั่งรถตู้ไปกาสิโนปอยเปต เพื่อแลกกับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

นอกจากเรื่องค่าเข้าแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เพื่อป้องกันกลุ่มเปราะบางเข้าไปเล่น ส่วนราคาเท่าไหร่จะเหมาะสม จะขึ้นอยู่กับสำนักงานที่จัดตั้งเป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่า วางไทม์ไลน์กฎหมายไว้เป็นเมื่อใด? ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจในไทม์ไลน์ แต่อยากให้ทุกอย่างรอบคอบ และให้เวลาคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงกฎหมายให้เต็มที่ ทั้งนี้ ความเห็นของกฤษฎีกาเป็นความเห็นที่ดี เพราะกฎหมายเป็นกฎหมายใหม่ และเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับประเทศไทย จึงจำเป็นต้องให้เวลาในการรวบรวม และปรับปรุง พ.ร.บ.

เมื่อถามว่า เหตุใดไม่ใช้ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่มีอยู่แล้ว? ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า เราเป็นอะไรที่ต่างกันเนื่องจาก พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งเก่ามาก ไม่ทันกับรูปแบบใหม่ และสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมากกว่าแค่การพนัน เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ มีอะไรบ้างอย่างที่ต้องปลดล็อก และมีมาตรฐานความปลอดภัย และเปิด 24 ชั่วโมง ได้หรือไม่  ซึ่งเป็นกรณีปลีกย่อย จึงจำเป็นต้องมี พ.ร.บ.เป็นพิเศษ

ส่วนลูกค้าที่จะใช้บริการ จัดเน้นที่คุมต่างประเทศเป็นหลัก โดยยกตัวอย่างจากโมเดลของสิงคโปร์ เจาะกลุ่มไปที่ลูกค้าวีไอพี จะต้องไปพูดคุยรายละเอียดว่า หากต้องการดึงดูดลูกค้าเหล่านี้เข้ามาการเก็บภาษีจะต่างจากลูกค้าธรรมดาอย่างไร ยืนยันว่า กลุ่มลูกค้าที่มาไม่ใช่คุ้มค่าทั่วไปอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำถึงกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยแน่ๆ ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการแข่งขันทุกกลุ่มที่จะยื่นโครงการเข้ามาในคณะกรรมการ ซึ่งมีโอกาสเท่ากัน ซึ่งปัจจุบันเรามีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ใช้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุน ซึ่งยอมรับว่า มีนักลงทุนระดับโลกหลายเจ้าให้ความสนใจ