‘กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ’ เตรียมลุยปม ‘เมียนมา-ว้าแดง’

4 ธ.ค. 2567 - 08:54

  • ‘กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ’ ติงท่าทีรัฐบาลปม ‘เมียนมา’ ยิงเรือประมงไทย

  • ชี้เป็นเรื่องร้ายแรง บี้เจรจาประเทศเพื่อนบ้านปล่อย ‘4 ตัวประกัน’

  • เผยเตรียมนำปม ‘ว้าแดง’ ประชิดชายแดนไทย เข้าพิจารณา 13 ธ.ค.นี้

  • ชี้อาจเป็นต้นตอปัญหา ‘ยาเสพติด’ ในไทย

Committee_on_National_Security_on_case_Myanmar_shooting_fishing_boats_and_Wa_Daeng_SPACEBAR_Hero_c001f784eb.jpg

รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทนครอบครัวชาวประมงในจังหวัดพังงา ที่ได้รับผลกระทบ และอยู่ในเหตุการณ์เรือประมงไทยถูกทหารเมียนมายิง และจับกุม บริเวณน่านน้ำที่มีความใกล้กันระหว่างไทยกับเมียนมา จนส่งผลให้ผู้เสียชีวิต

โดยตัวแทนชาวประมงจากจังหวัดพังงา ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และถูกกระสุนยิงแฉลบเฉียดศรีษะ เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า การกระทำแบบนี้เกินกว่าความรุนแรง หากจะมีการยิงเตือน ต้องยิงขึ้นฟ้า หรือยิงลงน้ำ ไม่ใช่ยิงเข้ามาที่เรือชาวประมง ชาวประมงเพียงออกไปหาปลาไม่ใช่ออกไปสู้รบกับใคร

รังสิมันต์ กล่าวว่า เห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และขอให้กำลังใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงบุคคลที่ถูกจับกุมไปทั้ง 4 ราย หวังว่าบุคคลที่ถูกจับกุมไปจะกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินที่สูญเสียไป กมธ.จะติดตามในด้านการเยียวยาเต็มที่

ส่วนกรณีเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันอีกครั้ง แต่เรื่องความเหมาะสมของสถานการณ์ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่น่าร้ายแรงจนถึงขั้นยิงกันขนาดนี้ หากเรือประมงเป็นโจรสลัด ก็คงเป็นเป็นอีกแบบ ดังนั้น การยิงไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิตมันเล็งเห็นได้อยู่แล้ว

การใช้ความรุนแรงระดับนี้ไม่สามารถยอมรับได้ คาดหวังว่ารัฐบาลจะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลเมียนมา ว่าเหตุการณ์นี้ยอมรับไม่ได้ เรายังไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยจะมีท่าทีจริงจังในการส่งสาสน์ไปยังเมียนมาขนาดไหน

ผมเชื่อว่า พวกเราทุกคนมีความรู้สึกว่าท่าทีของประเทศไทยมันดูเบาไป เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ มองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยไปเรื่อยๆ เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้น ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ทาง กมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในเรื่องนี้ หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ และได้รับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร แน่นอนว่าเราสามารถแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน การแสดงท่าทีของไทย มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเราเป็นรัฐเอกราชเราก็คงไม่อยากทำแบบเดียวกันต่อประเทศไหนที่มารุกล้ำ เราก็คงไม่เริ่มต้นด้วยการยิงเขาเลย มันคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ทาง กมธ.จะติดตามอย่างจริงจัง ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะมีความร้ายแรง กมธ.จะทำทุกวิถีทางในการประสานช่วยเหลืออย่างเต็มที่

รังสิมันต์ โรม

ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ในการประชุม กมธ. วันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.),  กระทรวงการต่างประเทศ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารเรือ, กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ, ทัพเรือภาคที่ 3, เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นต้น ก็หวังว่าจะเป็นพื้นที่ในการคลี่คลายปัญหา ต้องมาดูกันว่าจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญอย่างไร

เมื่อถามว่า รัฐบาลไทยควรดำเนินการอย่างไรกับตัวประกันไทยทั้ง 4 ราย ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว รังสิมันต์ กล่าวว่า เขาควรได้รับการปล่อยตัวกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยที่สุด

ที่ผ่านมา เราทราบมาตลอดว่ารัฐบาลไทย กับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกันมาตลอด ในเมื่อบอกว่ามีความใกล้ชิด จึงมีความจำเป็นต้องใช้ความใกล้ชิดดังกล่าวเพื่อปล่อยตัวประกัน ต้องหาความเหมาะสมในการแสดงท่าทีทางการทูตเพื่อให้เมียนมารับรู้ว่าคือเรื่องร้ายแรง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

รังสิมันต์ โรม

ส่วนที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุ มีคณะกรรมการเจรจาและได้ทำหนังสือท้วงไปแล้ว เรื่องนี้จะเพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีกรรมการพิเศษ  

รังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องดูว่าสุดท้ายพอหรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลเรามันเบาไปหน่อย

พอมันเบาไป พอไม่มีกระแสสังคม พอไม่มีพี่น้องสื่อมวลชนไปสอบถาม ผมไม่มั่นใจว่าจะทำหนังสือไปหรือไม่ ท่าทีมันเบามาก คงต้องสอบถามีรัฐบาล ยืนยันว่าเรานิ่งนอนใจไม่ได้ เราต้องทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรง

รังสิมันต์ โรม

เตรียมนำปม  ‘ว้าแดง’ ประชิดชายแดนไทย เข้าพิจารณา 13 ธ.ค.นี้

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่ม ‘ว้าแดง’ ที่ประชิดชายแดนไทย, ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ปัญหาตามแนวชายแดนเป็นเรื่องที่ กมธ.กังวลมาโดยตลอด

ความกังวลระดับแรก ถ้ามีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ทิ้งระเบิดโดยรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งบางครั้งไม่ได้เจาะจงไปที่กลุ่มกองกำลัง แต่ไปกระทบต่อชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้ง ทำให้คนเหล่านี้ต้องอยู่อย่างไร้บ้าน มีคนที่จะต้องไปอยู่ตามค่ายต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นบ้านพักของตัวเองเกินกว่า 2 ล้านคน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทันทีคือ เขาจะข้ามไปที่ประเทศไทย

ประเทศไทยเรารองรับผู้ลี้ภัยได้เต็มที่ได้แค่ 100,000 คนเท่านั้น เราไม่มีศักยภาพรองรับได้เยอะขนาดนั้น ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้น จะบอกว่าเป็นเรื่องของเมียนมาอย่างเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยไม่ได้ เพราะถ้าเกิดว่าความขัดแย้งเขาหนัก สุดท้ายคนจะหนีมาที่ประเทศเรา

รังสิมันต์ โรม

ชี้อาจเป็นต้นตอปัญหา ‘ยาเสพติด’ ในไทย

รังสิมันต์ กล่าวว่า การจะไม่ให้เขาเข้าประเทศ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถึงที่สุด เขาหนีตาย ต้องทำทุกวิถีทางในการที่จะเอาตัวรอด ซึ่งถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ เราจะไปขับไล่หรือดำเนินการก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย วันนี้เราเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ก็จะไปทำลายภาพลักษณ์หนักขึ้นไปอีก ดังนั้น ต้องบริหารกันดีๆ

เมื่อพูดถึงเรื่องว้าแดง ก็จะมีเรื่องการรุกล้ำเขตแดนเข้ามาในประเทศไทยด้วย ผมเองก็จะเอาเรื่องนี้พิจารณาในวันที่ 13 ธ.ค. รวมกับเรื่องเรือประมงที่ถูกเรือรบเมียนมายิง ว้าเขาโดดเด่นในเรื่องอาชญากรข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยาเสพติดจำนวนมากในหลายกรณีบ่งชี้ว่า แหล่งผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในเขตอิทธิพลของว้า ดังนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่มีการล้ำเขตแดนมาที่ประเทศไทย และมากไปกว่านั้น กลุ่มที่ล้ำเขตแดน ต้องยอมรับว่าเขาเป็นกลุ่มที่อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย มันอาจจะทำให้เราสามารถโยงได้ว่า ปัญหายาเสพติดที่มันระบาดหนักในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันก็อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้หรือเปล่า ที่มีการรุ่งเรืองทั้งอำนาจและมีกองกำลังต่างๆมากมาย

รังสิมันต์ โรม

แฉมีบริษัทส่งไฟฟ้าไปขายเพื่อผลิตยาเสพติด

รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นวาระสำคัญของประเทศไทยที่ต้องจัดการ คงไม่ได้พิจารณาใช้มาตรการการย้ายฐาน แต่คงจะรวมถึงปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาร้ายแรงที่จะต้องจัดการอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ไปลงพื้นที่หลายพื้นที่ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยาเสพติดในประเทศไทยถูกมาก สะท้อนว่าเราไม่มีศักยภาพในการปราบปรามยาเสพติดขนาดนั้น

เมื่อพูดไปถึงว้า ผมเองคงต้องบอกว่า วันนี้ยาเสพติดที่ผลิตต้องมีสารตั้งต้น ต้องใช้พลังงาน ต้องใช้ไฟฟ้า ตามข้อมูลที่ได้รับมาไฟฟ้ามาจากฝั่งไทยที่ขายไปท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มว้า ผมก็เคยอภิปรายโยงไปถึงอดีต สว.แล้ว และมีบริษัทชื่อ หงปัง ที่มีกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง คือ กลุ่มว้า, ว้ามีอิทธิพลถึงขนาดที่เอาไฟฟ้าจากฝั่งประเทศไทยไปใช้งานได้ด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าไฟฟ้าที่ใช้เอาไปใช้ผลิตยาเสพติดหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมรู้คือการผลิตยาเสพติดนับพันเม็ด มันคงต้องใช้ไฟฟ้าไม่มากก็น้อย คำถามก็คือว่าฝ่ายนี้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่มาจากประเทศไทย ซึ่งก็มีเส้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอยู่

รังสิมันต์ โรม

เตรียมจองกฐิน ‘อนุทิน’ เปิดสมัยประชุมเจอตั้งกระทู้ถามทันที

รังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เปิดสภาฯ มาวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะตั้งกระทู้ถาม อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะทุกอย่างชัดเจนแล้ว บริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น เงินที่เกี่ยวข้อง บัญชีม้าต่างๆ มันชัดเจน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์