‘ศาลรธน.’ คุมเข้ม 7 และ 14 ส.ค. กรณีนัดชี้ชะตา ‘ก้าวไกล-เศรษฐา’

31 ก.ค. 2567 - 05:08

  • ศาลรัฐธรรมนูญ คุมเข้มวันที่ 7 และ 14 ส.ค.นี้ กรณีนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล-ถอดถอนเศรษฐา

  • อนุญาตเฉพาะคู่กรณีเข้าฟัง และจัดช่องทางให้ ประชาชน-สื่อ ติดตาม

constitutional-court-pita-srettha-31-july-2024-SPACEBAR-Hero.jpg

วันนี้ (31 ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 10/2566 เรื่อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 

และเรื่องพิจารณาที่ 17/2567 เรื่อง ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ในวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 นั้น

เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ดังนี้

  1. กำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้รับมอบฉันทะ หรือผู้ที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น อยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน
  2. ประกาศกำหนดอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยต่อไป ดังนี้
  •  ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 00.01 นาฬิกา ถึงเวลา 23.59 นาฬิกา สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 10/2567 เรื่อง กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล
  •  ในวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 00.01 นาฬิกา ถึงเวลา 23.59 นาฬิกา สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 17/2567 เรื่อง ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ทั้งนี้ ท้ายเอกสารได้ระบุข้อความว่า “ความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์สังคม : บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 34 แต่หากเป็นกรณีการแสดงความเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้กระทำโดยสุจริต โดยใช้ถ้อยคำที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 38 และมาตรา 39 และอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์