จับตาตุลาอาถรรพ์ (EP.1) 17 ตุลา วันราหูย้าย บทบาทสำคัญของสอง ‘บิ๊กต่อ’

3 ต.ค. 2566 - 03:40

  • พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับภารกิจหนึ่งปีบนเก้าอี้ ผบ.ตร.

  • สุมไฟต่อหรือถอนฟืนออกจากกองไฟ

บิ๊กต่อ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผบ.ตร.

ย่างเข้าเดือนตุลาคม เดือนที่มักจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เรื่องร้อนแรง เรื่องสำคัญของประเทศมาโดยตลอด

ปีนี้เดือนตุลาฯ ถูกจับจ้องอีกครั้งว่า จะเป็นตุลาอาถรรพ์ เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาอีกหรือไม่ เมื่อ วันที่ 17 ตุลาคม ปีนี้ จะเป็นวันที่ทางโหราศาสตร์เชื่อว่าเป็นวันราหูย้าย และก่อนจะถึงวันที่ 17 ตุลาฯ จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ความเคลื่อนไหวช่วงนี้ จึงน่าสนใจว่าราหูย้ายรอบนี้ ใครจะมีโชค ใครจะมีเคราะห์ เหตุไม่คาดฝันที่ว่า รุนแรงขนาดไหน

ระดับ ตุลา 2516, ตุลา 2519, ตุลา 2547 หรือตุลา 2559 หรือระดับตุลา 65

ยิ่งเมื่อล่าสุด มีผู้ออกมาปูดเรื่อง 5 ตุลาคม จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในแวดวงสีกากี

ตุลาปีนี้ จึงยิ่งร้อนรุ่ม…

ความจริงสัญญาณความร้อนแรงของเดือนตุลาคมปีนี้ เริ่มปรากฏชัดมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน และส่งสัญญาณต่อเนื่องมาจนถึงเวลานี้

นับจากเหตุการณ์จ่อยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงปู่ เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน และลุกลามบานปลาย เมื่อหลังจากนั้นเพียง 6 วัน พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ “ผู้กำกับเบิ้ม” ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.ต.ศิวกร ตัดสินใจยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก ด้วยสาเหตุที่เชื่อกันว่า มาจากแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่บีบคั้นไปยังผู้กำกับเบิ้ม เพราะเป็นผู้ชักชวนสารวัตรศิวกรไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านกำนันนกในคืนวันนั้น

การเสียชีวิตของสารวัตรศิวกร แน่นอนว่า แรงบีบคั้นนอกจากจะพุ่งตรงไปยังกลุ่มกำนันนกและเครือข่าย แรงสั่นสะเทือนยังพุ่งตรงไปยังตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในงานเลี้ยงคืนนั้นด้วย

เมื่อทีมสอบสวนที่นำโดยบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. แยกตำรวจที่เข้าร่วมงานออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มที่มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด 
  • กลุ่มที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 
  • กลุ่มที่ร่วมกันช่วยเหลือสารวัตรศิวกรและพ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงที่ถูกยิงบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, บิ๊กโจ๊ก
Photo: บิ๊กโจ๊ก - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

แน่นอนว่า ผู้กำกับเบิ้มก้ำกึ่งเป็นอย่างมากว่า จะอยู่ในกลุ่มที่ 2 หรือกลุ่มที่ 3 บวกกับข้อมูลที่ปรากฏว่า เป็นผู้ชักชวนสารวัตรศิวกรไปร่วมงาน ทำให้ทีมสอบสวนให้น้ำหนักและสอบปากคำผู้กำกับเบิ้มมากเป็นกรณีพิเศษ

หนักถึงขั้นที่หลายคนเชื่อว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้กำกับเบิ้ม ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง เพื่อรับผิดชอบกับการเสียชีวิตของสารวัตรศิวกร ที่เป็นทั้งรุ่นน้องโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นน้องโรงเรียนนายร้อยสามพราน และเป็นทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง

เพราะแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว รายชื่อผู้กำกับเบิ้มก็ยังปรากฏอยู่ใน 14 รายชื่อข้าราชการตำรวจที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน เพราะเป็นกลุ่มตำรวจที่ไม่ให้การช่วยเหลือสารวัตรศิวกร และรองผู้กำกับวศิน

ท่าทีแข็งกร้าวของทีมพนักงานสอบสวน ที่เตรียมเดินหน้าดำเนินคดีกับตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องกับคดียิงสารวัตรศิวกร แม้ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ณ ขณะนั้นจะลงนามโอนย้ายคดีมอบให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไปดำเนินการต่อ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
Photo: พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์

แต่รอยร้าวระหว่างตำรวจสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำคดี กับกลุ่มผู้กำกับเบิ้ม ก็ดูเหมือนจะปริร้าวมากขึ้น แม้ไม่แสดงออก แต่คนในต่างรู้ดีว่า การเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาขนาดไหน

ท่ามกลางความระอุของกองไฟกองแรก…

เช้าวันที่ 25 กันยายน 2566 ก็เหมือนเป็นการสุมไฟแห่งความขัดแย้งกองที่สองลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อปฏิบัติการ Big Cleaning Day ของชุดเฉพาะกิจ PCT 4 ที่นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักกฏหมายและคดี หรือบช.กบค. ซึ่งนำหมายค้นและหมายจับบุกค้นพื้นที่ 30 จุด ทั่วประเทศ เพื่อทลายเครือข่ายเว็ปไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายของบอสตาล และมินนี่ ปรากฏว่า หนึ่งใน 30 จุด คือ บ้านพักของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.

พร้อมๆ กับการจับกุมทีมนายตำรวจคนสนิทของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และมีการเปิดเครือข่าย รวมถึงเส้นทางการเงิน ที่พาดพิงและโยงใยไปถึงนายตำรวจทั้งหมด ซึ่งล้วนแต่เป็นทีมงานสอบสวนคดียิงสารวัตรศิวกรทั้งสิ้น

ผังเส้นทางการเงินบางผัง ยังโยงใยไปถึงคนในครอบครัวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และยังพัวพันไปถึงเจ้าของบ้านที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้เป็นที่พักทั้งของตัวเองและทีมงาน

ปฏิบัติตรวจค้นและจับกุมที่มีเป้าหมายพุ่งตรงไปทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และทีมงาน เกิดขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการตำรวจหรือ กตร. เพื่อคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพียงสองวัน

การออกหมายค้นและหมายจับที่มีรายชื่อ 8 นายตำรวจชุดสืบสวนคดีกำนันนก ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่ทั้งสองคดีจะถูกหยิบมาเปรียบเทียบกัน

คดีกำนันนก มีการออกหมายจับและเตรียมดำเนินคดีนายตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ส่วนใหญ่เคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

ส่วนคดีเครือข่ายพนันออนไลน์ นายตำรวจที่ถูกออกหมายจับทั้งหมดเป็นทีมงาน และเป็นลูกน้องคนสนิทของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์

เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพาดพิงถึงศึกช่วงชิงตำแหน่งผบ.ตร.คนที่ 14

เมื่อ 2 ใน 4 แคนดิเดต ว่าที่ผบ.ตร.คนที่ 14 คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งแม้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยืนยันเสมอว่า ตัวเองรอได้ เพราะมีอายุราชการเหลืออีกหลายปี

บิ๊กต่อ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
Photo: บิ๊กต่อ - พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระหว่างพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 กับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาวุโสอันดับ 4 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์น่าจะสนับสนุน พล.ต.อ.รอย มากกว่า

เพราะหาก พล.ต.อ.รอย ได้รับการเสนอชื่อครั้งนี้ นั่นหมายถึงจะเป็นมาตรฐานในปีต่อไปว่า จะต้องยึดหลักอาวุโสอันดับ 1 เป็นเกณฑ์ในการเสนอชื่อผบ.ตร.คนต่อไป

ซึ่งนั่นหมายถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะขยับขึ้นเป็นรองผบ.ตร.ที่มีอาวุโสอันดับ 1 ในปีถัดไป ก็จะต้องได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร.คนที่ 15 เช่นกัน

ไฟแห่งความขัดแย้งสองกองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลุกโชนอย่างเกรี้ยวกราด และพร้อมที่จะโหมลามลุกไหม้ขยายวงไปรอบด้าน เมื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เอ่ยวาทะร้อนในการให้สัมภาษณ์สื่อว่า มีข้อมูลในมือมากพอที่เปิดออกมาแล้วอาจต้องตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แม้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะบอกว่า ตัวเองจะไม่เอาคืน ถึงจะมีข้อมูลมากพอ

แต่กลับสวนทางกับความเคลื่อนไหวทั้งหมด

ทั้งการแถลงข่าว เรื่องการตั้งทีมทนายที่นำโดยทนายอนันตชัย ไชยเดช

การปรากฏตัวของมินนี่ สุชานันต์ สุจริตชินศรี พร้อมข้อมูลบางส่วนที่ตอบโต้การทำงานของทีมเฉพาะกิจ PCT 4

เพราะทั้งสองความเคลื่อนไหวพุ่งเป้าไปยังทีมงานในปฏิบัติการครั้งนี้

เป็นสองความเคลื่อนไหวที่รุนแรง ร้อนแรง และมากไปด้วยข้อมูลที่ถูกตกผลึกมาแล้ว

จนดูเหมือนความขัดแย้งครั้งนี้ ยากที่จะจบลงได้โดยง่าย

แม้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะพยายามลดดีกรีความขัดแย้งลง ด้วยการปรากฏภาพการพูดคุย และถ่ายภาพคู่กันในลักษณะของความชื่นมื่น

บิ๊กต่อ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผบ.ตร., บิ๊กโจ๊ก, พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
Photo: บิ๊กโจ๊กกับบิ๊กต่อถ่ายภาพจับมือร่วมกัน คล้ายเป็นสัญญาณการสงบศึก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังยืนยันในการให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยว่า ไม่เคยมีความขัดแย้ง หรือมีปัญหาในการทำงานร่วมกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมเปิดเผยถึงคำพูดที่บอกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่า ไม่มีใครจริงใจกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เท่ากับตัวเองอีกแล้ว

แต่ดีกรีความขัดแย้งก็ยังเหมือนจะยังคุกรุ่น และพร้อมจะปะทุได้ตลอด

และเป็นที่มาของบิ๊กเซอร์ไพร์สที่ ทนายอนันตไชย ไชยเดช บอกกับสื่อว่า ให้รอติดตามในวันที่ 5 ตุลาคม และจะไม่ยอมยุติที่จะเดินหน้าทำคดีนี้ต่อ ถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะมาหารือแนวทางที่จะถอนคดีนี้ โดยบอกว่า มีวิธีเดียวที่จะหยุดได้ คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องถอนตัวเขาออกจากการเป็นทนายในคดีนี้

ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่บานปลายพร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่ความแตกหัก เป็นการบ้านข้อใหญ่ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 ที่จะต้องหาทางยุติความขัดแย้งครั้งนี้ลงให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ภายในวลาเพียงหนึ่งปี

หนึ่งปีที่เขาเคยบอกว่า จะรอช้าไม่ได้แม้เพียงหนึ่งวัน!

แต่ล่าสุดการแบ่งงานที่มอบหมายให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับผิดชอบด้านความมั่นคง ส่วนงานสืบสวนและสอบสวน มอบให้พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขึ้นมารักษาการรอง ผบ.ตร. รับไปทำแทนนั้น ต้องรอดูว่า นี่คือหนึ่งในความพยายามของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่จะยุติความขัดแย้งด้วยการถอนฟืนออกจากกองไฟ หรือจะเป็นการสุมไฟให้ลุกโชนขึ้นจากเดิม

เพราะหนึ่งปีในตำแหน่งผบ.ตร. จะทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทำอะไรได้มากแค่ไหน จะส่งต่อภารกิจนี้ให้กับผบ.ตร.คนต่อไปสานต่อได้อย่างไร

จะส่งมอบทีมงานรอบตัวของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ให้กับ ผบ.ตร.คนต่อไป เพื่อให้ทุกคนเดินหน้าเติบโตบนเส้นทางการรับราชการต่อไปได้หรือไม่

บิ๊กต่อ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
Photo: บิ๊กต่อ - พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์นับจากนี้ว่า จะแสดงความจริงใจในฐานะผู้บังคับบัญชา จะแสดงความจริงใจในฐานะพี่ เพื่อถอนฟืนออกจากกองไฟ และนำสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกจากความขัดแย้งได้หรือไม่

นี่คือ ภารกิจของคนชื่อ “ต่อ” ที่แม้จะไม่ได้มาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ไม่ได้มาจากโรงเรียนนายร้อยสามพราน จะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อนำเพื่อนพ้อง น้องพี่ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับมาเดินบนเส้นทางของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่แท้จริง

“ตุลาจะอาถรรพ์” หรือไม่อาถรรพ์ ขึ้นอยู่กับคนชื่อต่อ

ส่วน EP.2 ตามต่อกับภารกิจของ “บิ๊กต่อ” พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่บนข่าวร้อน ทั้งน้ำมันที่หายไปกว่าสองแสนลิตร และการปรับย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษ รวมทั้งการแบ่งงานให้กับผู้ช่วย ผบ.ทบ. เสนาธิการทหารบก และรองเสนาธิการทหารบก

อันจะฉายภาพให้เห็นการจัดทัพ เพื่อส่งต่อผบ.ทบ.คนต่อไปอย่างไร…?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์