77 ปี ประชาธิปัตย์ (EP.2) นราพัฒน์ VS วทันยา ทางสองแพร่งที่คนประชาธิปัตย์ต้องเลือก

30 พ.ย. 2566 - 18:00

  • หาก “มาดามเดียร์” ฝ่าด่านคุณสมบัติได้สำเร็จ จะเข้ามาเป็นคู่ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ “ตุ้ม” นราพัฒน์ แก้วทอง

  • ตัวเลข สส. 53 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 62 ก่อนร่วงเหลือ 25 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 66 บอกว่า ศรัทธามวลชนต่อประชาธิปัตย์เดินมาถึงจุดเสื่อมถอยอย่างรุนแรง

มาดามเดียร์, วทันยา บุนนาค, ประชาธิปัตย์, นราพัฒน์ แก้วทอง, หัวหน้าพรรค, 9 ธันวาคม

ใน EP แรก ผมมองถึงทางสองแพร่งของพรรคประชาธิปัตย์ ในแง่มุมของการเปิดกว้างยอมรับผู้สมัครที่เป็นผู้หญิง ว่าประชาธิปัตย์จะยอมเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพื่อบันทึกไว้ถึงก้าวย่างแรกของพรรคในประเด็นนี้หรือไม่

ซึ่งหากด่านแรก “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ฝ่าด่านคุณสมบัติเข้ามาได้สำเร็จ และเข้ามาเป็นคู่ชิงกับ ตุ้ม-นราพัฒน์ แก้วทอง ทายาททางการเมืองของ ไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต สส.จังหวัดพิจิตรและรัฐมนตรีหลายสมัย

ทำไมประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่บนทางสองแพร่งอีก

มาดามเดียร์, วทันยา บุนนาค, ประชาธิปัตย์, นราพัฒน์ แก้วทอง, หัวหน้าพรรค, 9 ธันวาคม
Photo: วทันยา บุนนาค
นราพัฒน์ แก้วทอง
Photo: นราพัฒน์ แก้วทอง

ในเมื่อทั้งนราพัฒน์และมาดามเดียร์ต่างก็เป็นคนรุ่นใหม่ ต่างก็เป็นสมาชิกพรรค

นราพัฒน์ได้เปรียบมาดามเดียร์ด้วยซ้ำ ในแง่ของประสบการณ์ทางการเมือง ในแง่ของชื่อชั้น เพราะนราพัฒน์เพาะบ่มงานทางการเมืองมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความเป็นคนในตระกูลการเมือง การสนใจติดตามการทำงานของพ่อ และเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เพื่อทำงานในทุกระดับ

ล่าสุด ก็ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ร่วมลุยงานของกระทรวงร่วมกับ “เลขาต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน มาตลอด 4 ปีเต็ม

เฉลิมชัย ศรีอ่อน
Photo: เฉลิมชัย ศรีอ่อน

ตำแหน่งล่าสุดในพรรคก็เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ

งานการเมืองในพื้นที่ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง สส.จังหวัดพิจิตรถึง 3 สมัย มีเพียงการเลือกตั้งในปี 2562 ที่นราพัฒน์ไม่ได้รับเลือกตั้ง เพราะลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ อยู่ในลำดับที่ 27 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.บัญชีรายชื่อเพียง 19 คน แต่ปี 2565 นราพัฒน์ก็มาได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อแทน อภิชัย เตชะอุบล ที่ลาออก

การเลือกตั้งปี 2566 แม้นราพัฒน์จะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 7 แต่ก็ไม่ได้เป็น สส. เนื่องจากประชาธิปัตย์ได้ สส.บัญชีรายชื่อเพียง 3 คนเท่านั้น คือ

  • จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์
  • ชวน หลีกภัย
  • บัญญัติ บรรทัดฐาน

ขณะที่ข้อมูลส่วนตัว นราพัฒน์จบการศึกษาระดับปริญญาโท การบริหารธุรกิจจาก National University ประเทศสหรัฐอเมริกา

ประวัติส่วนตัว เส้นทางการเมือง ประสบการณ์ที่ล้วนเหนือกว่ามาดามเดียร์ แล้วทำไมเมื่อหยิบมาเทียบเคียงกับมาดามเดียร์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ถึงยังต้องยืนอยู่บนทางสองแพร่ง

ทำไมเลือกคนใดคนหนึ่งไม่ได้

เลือกนราพัฒน์แล้วทำไม เลือกมาดามเดียร์แล้วทำไม

แน่ล่ะ ในทางการเมือง ด้วยฐานของนราพัฒน์ ด้วยการสนับสนุนเต็มตัวของเลขาต่อ ด้วยความเป็นลูกผู้ชายที่พูดคำไหนคำนั้น สัญญาอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น และด้วยประสบการณ์ของนราพัฒน์

ด้วยเหตุทางการเมือง ไม่มีปัจจัยไหนเป็นด้านลบ ไม่มีปัจจัยไหนบอกว่า นราพัฒน์จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้

มาดามเดียร์, วทันยา บุนนาค, ประชาธิปัตย์, นราพัฒน์ แก้วทอง, หัวหน้าพรรค, 9 ธันวาคม

ยิ่งเทียบเคียงกับรายชื่อว่าที่เลขาธิการพรรค ที่ระบุว่าน่าจะเป็น “นายกฯ ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ที่มากด้วยบารมี มากด้วยสายสัมพันธ์ทางการเมือง และพร้อมเป็นฐานการเงินให้กับพรรคในการทำงานการเมือง

เมื่อเชื่อมต่อระหว่าง เฉลิมชัย ศรีอ่อน เดชอิศม์ ขาวทอง และนราพัฒน์ แก้วทอง แล้วเป็นจิ๊กซอว์ที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบทางการเมืองที่สุด

เดชอิศม์ ขาวทอง
Photo: เดชอิศม์ ขาวทอง

แต่การเมืองในปี 2566 และกำลังจะเข้าสู่ปี 2567 ไม่ใช่การเมืองในรูปแบบที่เคยเป็นมาตลอด 77 ปีของพรรคประชาธิปัตย์

ผลการเลือกตั้งในปี 2562 และปี 2566 บอกว่าการเมืองในรูปแบบที่ประชาธิปัตย์เคยเผชิญมันเปลี่ยนไปแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเคยยิ่งใหญ่ มีหัวหน้าพรรค 8 คน ใน 8 คนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน คือ

  • ควง อภัยวงศ์
  • ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
  • ชวน หลีกภัย
  • อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะชนะการเลือกตั้งและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วถึง 3 ครั้ง ในปี 2491 ปี 2519 และปี 2539 รวมถึงเป็นพรรคการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งมี สส.เกินร้อยมาถึง 6 ครั้ง คือ

  • ปี 2519 จำนวน 114 ที่นั่ง
  • ปี 2529 จำนวน 100 ที่นั่ง
  • ปี 2539 จำนวน 123 ที่นั่ง
  • ปี 2544 จำนวน 128 ที่นั่ง
  • ปี 2550 จำนวน 165 ที่นั่ง
  • ปี 2554 จำนวน 159 ที่นั่ง

พรรคประชาธิปัตย์ผ่านร้อนผ่านหนาว ด้วยการผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้วถึง 11 ครั้ง เคยเป็นพรรคที่ยืนหยัดต่อสู้กับการรัฐประหาร ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารมาในหลายยุค

สมาชิกคนสำคัญหลายคนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ หลังเหตุการณ์ปี 2519 เพราะถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่พรรคคอมมิวนิสต์

ชวน หลีกภัย เคยเขียนหนังสือ “เย็นลมป่า” บอกเล่าถึงประสบการณ์ในช่วงเวลานี้ได้อย่างชัดเจน

เย็นลมป่า, หนังสือ, ชวน หลีกภัย

ทั้งหมดเป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ และชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต

แต่นับจากการต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา สงครามสีเสื้อที่ต่างฝ่ายต้องเลือกข้างและดำรงความขัดแย้งยาวนานเกือบ 20 ปี จนเกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557 พรรคประชาธิปัตย์แม้ในระยะต้นจะได้รับการเลือกตั้งสูงสุดในปี 2550 ถึง 165 ที่นั่ง และปี 2554 ถึง 159 ที่นั่ง

แต่เมื่อเกิดรัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา การเลือกตั้ง 2 ครั้งหลังจากนั้น ทั้งปี 2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งมาเพียง 53 ที่นั่ง และปี 2566 ที่ได้รับเลือกตั้งเพียง 25 ที่นั่ง และล่าสุดตกอยู่ในสภาพที่ขาดหัวหน้าพรรคมานับตั้งแต่จบการเลือกตั้ง บ่งบอกว่าอะไร

บ่งบอกว่า ศรัทธาของมวลชนที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์เดินมาถึงจุดเสื่อมถอยอย่างรุนแรง

บ่งบอกว่า ถึงเวลาที่ประชาธิปัตย์ต้อง คิดใหม่ ทำใหม่ แบบสิ้นเชิง

ทำไมชื่อของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงขายไม่ได้

ทำไมชื่อของ ชวน หลีกภัย ถึงเริ่มไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเคย

แล้วทำไม นราพัฒน์ แก้วทอง ถึงยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนของประชาธิปัตย์

นราพัฒน์ อาจประกาศนโยบายใหม่ที่น่าสนใจ

นราพัฒน์ อาจประกาศแนวคิดปฏิรูปประชาธิปัตย์ที่เป็นไปได้

นราพัฒน์ อาจชูธงการนำและสร้างคนรุ่นใหม่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้

แต่ถามว่า นราพัฒน์ ต่างจาก อภิสิทธิ์ ตรงไหน

นราพัฒน์ต่างสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ตรงไหน

แม้แต่ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ถ้าวันนี้ไม่โดนกระแสเรื่องส่วนตัวโหมกระหน่ำ

ถึงปริญญ์ประกาศตัวลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

แต่ปริญญ์ก็ยังไม่ใช่ความใหม่ หากเทียบหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกยุคที่ผ่านมา

ประชาธิปัตย์ในปีที่ 78 เป็นประชาธิปัตย์ที่ต้องการความใหม่ เป็นประชาธิปัตย์ที่ต้องกระตุกกระแสสังคมให้หันกลับมามอง

เป็นประชาธิปัตย์ที่ต้องเป็นสินค้าใหม่ วางบนชั้นวางสินค้าแล้วคนเดินผ่านต้องหันกลับมาให้ความสนใจ

เป็นประชาธิปัตย์ที่ต้องจุดกระแสสังคม เพื่อดึงประชาธิปัตย์ให้กลับมาอยู่ในสปอตไลท์อีกครั้ง

ทั้งหมด เป็นเหตุผลว่า ทำไมเมื่อเทียบเคียงระหว่างนราพัฒน์ และมาดามเดียร์แล้ว ประชาธิปัตย์ถึงต้องอยู่บนทางสองแพร่ง

มาดามเดียร์, วทันยา บุนนาค, ประชาธิปัตย์, นราพัฒน์ แก้วทอง, หัวหน้าพรรค, 9 ธันวาคม

แพร่งหนึ่งคือ เลือกที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบเก่าๆ มีหัวหน้าพรรคก่อน มีเลขาธิการพรรค เลือกเส้นทางการสร้างพรรค เลือกสายสัมพันธ์ยึดโยงโครงสร้างแบบคอนเซอร์เวทีฟ รอเวลาร่วมรัฐบาล แล้วสร้างพรรคด้วยฐานทางการเงิน และอำนาจ

หรือเลือกอีกแพร่งหนึ่ง

แพร่งที่ฉีกขนบความเป็นประชาธิปัตย์ เปิดโอกาสการสร้างพรรคใหม่แบบคนรุ่นใหม่ที่มีผู้อาวุโสคอยเป็นกำลังสนับสนุนในแง่ประสบการณ์ และฐานความคิดในบางเรื่อง เดินหน้าสร้างพรรคแบบหัวก้าวหน้า แต่คงไว้สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องอนุรักษ์

ระหว่างนราพัฒน์ และมาดามเดียร์ ถ้าเป็นแบรนด์สินค้า

เห็นชัดว่า เป็นสินค้าที่ต่างประเภท ขึ้นอยู่กับประชาธิปัตย์ต้องการแบบไหน

9 ธันวาคม รอชมทางสองแพร่งของประชาธิปัตย์ว่า ปีที่ 78 ประชาธิปัตย์จะเลือกเดินไปในทิศทางไหน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์