ปิดฉากอำนาจ 9 ปี 3 ป.

1 ก.ย. 2566 - 08:13

  • ‘ป.ประยุทธ์’ จัดโผกองทัพเรียงรุ่น ตท.24

  • วางหมากยาวรอรับรัฐมนตรีกลาโหม ‘พลเรือน’

contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Thumbnail
ปลายสัปดาห์นี้ แม้จะยังไม่มีคณะรัฐมนตรีใหม่อย่างเป็นทางการ แต่หน้าตาของโผ ครม.ที่ออกมาล่าสุด น่าจะนิ่งและเสถียรแล้ว เห็นได้จากสัญญาณการขับเคลื่อนของว่าที่เจ้ากระทรวงบางราย ที่เริ่มส่งทีมล่วงหน้าเข้าไปเก็บข้อมูล และเตรียมการในกระทรวงแล้ว

บางกระทรวงมีการทาบทามอดีตข้าราชการระดับสูงเข้าร่วมทีมที่ปรึกษา บางกระทรวงส่งทีมเข้าไปรับฟังบรีฟโครงการสำคัญๆ จากเจ้าหน้าที่ เพื่อปูทางให้นายพร้อมเข้าไปสานต่อ

บรรยากาศการเตรียมงานของว่าที่รัฐมนตรีใหม่ เป็นบรรยากาศที่คู่ขนานไปกับการอำลาตำแหน่งของพี่น้อง 3 ป. ป้อม-ป็อก-ประยุทธ์ ที่ครองอำนาจรัฐมายาวนานกว่า 9 ปี
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/35Xn6z5Yyg0DXIPqRze8Q6/27f32ffcbabbca9faa7445fa10218947/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo01
Photo: SPACEBAR

3 ป. อำลาเก้าอี้ ปิดม่านอำนาจ 

30 สิงหาคม 2566 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งทำงานวันสุดท้ายที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงที่ ‘บิ๊กป็อก’ นั่งทำงานมายาวนานนับจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 พร้อมสร้างตำนานมากมายภายใต้เก้าอี้ มท. 1 

31 สิงหาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งทำงานวันสุดท้ายที่ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางบรรยากาศความอาลัยของข้าราชการในทำเนียบ ปิดฉาก 9 ปีในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

ซึ่งถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับ 3 ต่อจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม และจอมพลถนอม กิตติขจร
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5fngK38XklsxklhUYXm71W/98445c5a299169e40c2c4f58b4de2851/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo02
Photo: SPACEBAR
จริงๆ แล้วหากไม่มีการยกเลิกตำแหน่งจอมพล ด้วยตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะเป็นจอมพลประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นกัน เพียงแต่กระทรวงกลาโหมได้ยกเลิกตำแหน่งจอมพล และหันมาใช้ตำแหน่งพลเอกพิเศษแทน ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะมีจอมพลถึง 3 คน ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุด 3 อันดับ 

นอกจาก ‘น้องป็อก’ กับ ‘น้องตู่’ หรือป.ประยุทธ์แล้ว 31 สิงหาคม 2566 ยังเป็นวันที่พี่ใหญ่ของ 3 ป. ‘พี่ป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน 

โดยบอกนักข่าวว่า จะกลับไปทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแต่เพียงตำแหน่งเดียว 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2ch410pfVpLLSehCzGZttW/59f48c27ce1b21e2e01fb3298a0d095c/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo03
Photo: SPACEBAR
ไม่เพียงลาออกจากสส. ‘บิ๊กป้อม’ ยังบอกนักข่าวที่ถามถึงบทบาททางการเมืองที่บ้านป่ารอยต่อว่า บ้านป่ารอยต่อปิดแล้ว ต่อไปจะเหลือเพียงมูลนิธิป่ารอยต่อเท่านั้น 

หากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นการปิดฉากความยิ่งใหญ่ของบ้านป่ารอยต่อให้เหลือเพียงตำนาน เพราะนับจากนี้ ความคึกคักที่เริ่มขึ้นทุกเช้ามืดของบ้านป่ารอยต่อ จะเหลือเพียงความเงียบเหงา ไม่มีภาพของผู้คนจำนวนมากที่มารอพบประมุขของบ้าน 

ไม่มีภาพการเข้าแถวรอรับเจ้าของบ้าน ที่บางวันถึงขั้นต้องเข้าแถวเรียงหน้ากระดานถึง 3 แถว เพื่อให้ลุงป้อมเดินรับไหว้ได้ครบทุกคน 

อำนาจเข้ามาแล้วจากไป ตำนานความยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่จะเป็นนิรันดร์…
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6nvQvx6qSctfU6Wa3sjU5L/4d34c695d99d6c05a1a485a381215e6d/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo04
Photo: Wikimedia
31 สิงหาคม แม้ไม่ใช่วันสุดท้ายในการทำงานของทั้ง 3 ป. ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะตามกฏหมายจะต้องทำหน้าที่จนกว่าคณะรัฐมนตรีใหม่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แต่ทั้ง 3 ป. เลือกวันที่ 31 สิงหาคม เป็นวันส่งสัญญาณการยุติบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดินที่ทั้ง 3 คนครองอำนาจในเก้าอี้มากว่า 9 ปี

นับจากนี้ต้องรอดู ครม.เศรษฐา 1 ที่คาดว่าจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าภายในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อรอว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ลงมาวันไหน และจะมีกำหนดการเข้าเฝ้า เพื่อถวายสัตย์ต่อหน้าพระพักตร์วันไหน ก่อนจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอันเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อเข้าทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินต่อจากคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5m3DNEbYFYIJx40LH5pYq6/27f43556199b054586b5485927122081/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo05
Photo: SPACEBAR

ปรากฏการณ์โยกย้าย ‘นายพล’ จัดวางเพื่อส่งต่ออำนาจ 

นอกจากปรากฏการณ์ 31 สิงหาคม 2566 อันเป็นสัญญาณสิ้นสุดยุค 3 ป. แต่อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ซึ่งมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งข้าราชการทหารระดับชั้นนายพล ยังเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตายิ่ง 

จับตาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดวางตำแหน่งแต่ละตำแหน่งในกองทัพไว้อย่างไร 

จับตาว่า ภายใต้ภาวะการณ์ที่ต้องลงจากหลังเสือ และภายใต้ภาวะการณ์ที่ต้องสร้างความสถียรให้กับกองทัพ และสถาบันสำคัญของชาติ ‘บิ๊กตู่’ วางหมากแต่ละเหล่าทัพ และแต่ละหน่วยกำลังไว้อย่างไร 

เริ่มจาก 4 ผู้นำเหล่าทัพ เป็นการวางสลับกำลังของรุ่น ตท. 23 และตท. 24 ที่เห็นถึงการเตรียม ตท.24 เพื่อรับไม้ต่อจาก ตท. 23 

กองบัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ตท.24 เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เกษียณราชการปี 2568 นั่นหมายถึง ‘บิ๊กอ้อป’ จะอยู่ในตำแหน่งนี้ 2 ปี มีเวลาพอที่จะจัดวางแต่ละตำแหน่งใน บก.สส. ให้ลงตัว 

และส่วนหนึ่ง ‘บิ๊กแก้ว’ พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ก็ได้เปิดโอกาสให้บิ๊กอ้อป มีส่วนร่วมในการทำโผตั้งแต่การโยกย้ายครั้งนี้ 

ส่วนการวางตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไปที่จะมารับช่วงต่อ น่าจะเห็นได้ชัดในการโยกย้ายปี 2567 เพราะเชื่อว่าจะเริ่มมีการวางตัวตั้งแต่ตุลาคม 2567 เพื่อให้มีเวลาในการสานต่อจากพล.อ.ทรงวิทย์ 

ตรวจแถวทัพบก 

ส่วนกองทัพบก มีการขยับโผ 5 เสือที่น่าสนใจ เพราะทั้ง พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 23 จะเกษียณอายุราชการพร้อมกันในปี 2567 

แต่ที่น่าจับตามอง คือ พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก และพล.อ.ธราพงษ์ มาละคำ จากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เข้ามาในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 24 และยังมีอายุราชการเหลืออีกหลายปี 

พล.อ.อุกฤษฏ์ หรือ 'บิ๊กหยอย' จะเกษียณอายุราชการในปี 2570 ส่วนพล.อ.ธราพงษ์ 'บิ๊กหนุ่ย' จะเกษียณอายุราชการในปี 2569 การขยับทั้งคู่เข้ามาในไลน์อำนาจ หรือตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ทบ. ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในอนาคตได้ทั้งคู่ 

‘บิ๊กหยอย’ ด้วยเส้นทางการรับราชการและบุคลิกที่สุขุม เป็นคนเรียนดีของรุ่น เกษียณอายุเกือบจะหลังสุดในรุ่น 24 อาจถูกขยับขึ้นรองผบ.ทบ.ในปี 67 เพื่อเป็นพล.อ.พิเศษ และส่งไปรับไม้ต่อจากเพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ที่กระทรวงกลาโหม เพราะบิ๊กหนุ่มเกษียณอายุราชการในปี 2568 บิ๊กหยอยก็จะนั่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมได้ถึงอีก 2 ปี ถึงปี 2570 

ส่วน ‘บิ๊กหนุ่ย’ ที่หลุดไลน์ไปในการโยกย้ายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งแม่ทัพภาคที่ 1 หลุดไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ แม้จะเป็นพลเอก และปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ชอกช้ำที่สุดของบิ๊กหนุ่ย ปีนี้ได้รับการคืนความชอบธรรมจาก 'พี่ตู่' พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาในตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ทบ. ทำให้ปีหน้าบิ๊กหนุ่ย ถูกมองถึงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ เพราะจะอาวุโสสูงสุด หากยึดหลักอาวุโสในการปรับย้าย 

ล่าสุดบิ๊กหนุ่ย ยังได้รับความไว้วางใจจากบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย ว่าที่ ผบ.ทบ. ให้เป็นประธานในการประชุมปรับย้ายนายทหารระดับ น.5 หรือพันเอกพิเศษ เพื่อจัดวางขุมกำลังระดับผู้บังคับการกรม หน่วยกำลังสำคัญของกองทัพบกอีกด้วย 

ขณะที่บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่เข้าไลน์ 5 เสือมาในตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ผิดคาดจากที่มีการวิเคราะห์ว่า บิ๊กปูจะเข้ามาในตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ทบ. เพื่อเตรียมแต่งตัวเป็นผบ.ทบ.คนต่อไป 

พล.อ.พนา ตท.26 เกษียณอายุราชการ ปี 2570 เดิมเชื่อว่า ถูกวางตัวเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อก้าวขึ้นสู่เส้นทางการเข้าสู่ 5 เสือ และขยับขึ้นเป็นผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.เจริญชัย ในปี 2567 และจะเป็นผบ.ทบ.ที่อยู่ในตำแหน่ง 3 ปี แบบเดียวกับพล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ รุ่นพี่ที่ตามหลังกันมาที่ ร.31 

แต่เมื่อขยับเข้าไลน์ในตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ทำให้เส้นทางของ พล.อ.พนา ถูกมองว่า อาจเบี่ยงออกจากเดิม ต้องรอการโยกย้ายปี 2567 ว่า พล.อ.พนา จะยังอยู่ในทบ. หรือขยับไปแถวแจ้งวัฒนะ เพื่อรอต่อคิวจาก พล.อ.ทรงวิทย์ ทำสถิติเป็นนายทหารคอแดงคนที่ 3 ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด 

การขยับแต่ละตำแหน่งในกองทัพบกรอบนี้ จึงเป็นการวางหลักอาวุโส ที่วางแต่ละรุ่นให้รองรับแต่ละตำแหน่ง และเพื่อป้องกันการเมืองที่จะเข้ามาแทรกในการปรับย้ายแต่ละครั้ง เพราะแม้กระทั่งตำแหน่งแหน่งแม่ทัพภาคแต่ละภาคในปีนี้ บิ๊กตู่ก็ยึดหลักอาวุโสคลุมไว้เช่นกัน 

เมื่อวาง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ตท.26 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.อมฤต บุญสุยา ตท.27 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ยุติข่าวลือที่จะมีการขับเคลื่อน ตท.28 ขึ้นมาเป็นแม่ทัพ ทั้งทัพใหญ่และทัพน้อย ส่งผลให้ดาวเด่นทั้งหมดของ ตท.28 ยังติดอยู่ที่ตำแหน่งรองแม่ทัพทุกตำแหน่งในกองทัพภาคที่ 1 และทัพน้อยที่ 1 

ส่วนกองทัพภาคที่ 2 หลังการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 รองแม่ทัพ และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 พล.ต.บุญสิน พาดกลาง และพล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ จนชื่อเปลี่ยนไปและเปลี่ยนมาหลายรอบ ที่สุดพล.ต.อดุลย์ ก็ขอความเป็นธรรม ที่เหลืออายุราชการแค่ปีเดียว เพราะจะเกษียณราชการในปี 2567 ขอขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ก่อน 

ส่วนพล.ต.บุญสิน ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2568 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 2 เพื่อรอเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ในปีหน้า โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 อีก 2 คน ‘บิ๊กเติ่ง’ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผบ.พล.ร.6  และพล.ต.พรชัย มาหลิน ผบ.พล.ม.3 ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 

กองทัพภาคที่ 3 เป็นการเบียดตีคู่กันมาระหว่าง 2 รองแม่ทัพ และ 2 เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 25 พล.ต.ประสาน  แสงศิริรักษ์ และพล.ต.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แต่สุดท้ายก็เป็นพล.ต.ประสาน ที่เข้าวินเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ส่วนพล.ต.กิตติพงศ์ อยู่ในตำแหน่งเดิม 

ตรวจแถวทัพเรือ 

กองทัพเรือก็มีการขยับที่น่าสนใจยิ่งเช่นกัน  เพราะการขับเคี่ยวกันถึงพริกถึงขิงของ 3 แคนดิเดต ระหว่าง 
  • พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ตท.23 ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ 
  • พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ตท.25 
  • พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ ตท.23 
แม้ท้ายที่สุด จะเป็น พล.ร.อ.อะดุง ที่เข้าป้ายเป็นผู้บัญชาการทหารเรือได้สำเร็จ ส่วนพล.ร.อ.สุวิน ขยับขึ้นเป็นรองผบ.ทร. และ พล.ร.อ.ชลทิศ เป็นผู้ช่วยผบ.ทร. ให้ทั้งคู่ไปลุ้นกันใหมในปีหน้า เพราะเกษียณอายุพร้อมกันคือ ปี 2568 

แต่ที่ต้องเฝ้ามองว่า ปีหน้า พล.ร.อ.สุวิน และพล.ร.อ.ชลทิศ จะได้เป็นแค่ผู้ท้าชิงอีกหรือไม่ คือการขยับ ตท.24 เข้ามารายล้อมในตำแหน่งสำคัญถึง 2 ตำแหน่ง ทั้ง พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง ตท.24 จากตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชามาเป็นเสนาธิการทหารเรือ และ พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด จากรองเสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ท.ชาติชาย ตท.24 เกษียณอายุราชการปี 2567 จึงไม่ใช่คู่แข่งของทั้งคู่ แต่พล.ร.อ.วรวุธ หรือบิ๊กน้อย เกษียณอายุราชการปี 2568 จึงยังคงเป็นแคนดิเดตที่น่าสนใจอีกคนหนึ่ง 

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบิ๊กดุงว่า เป็นคนความจำดีแค่ไหน สำหรับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในชีวิตราชการ จะส่งต่อไม้ต่อให้ ‘บิ๊กโอ๋’ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 หรือลืมอดีตส่งต่อให้ ‘บิ๊กวิน’ ตท.25 หรือตัดใจส่งต่อให้ 'บิ๊กน้อย' ตท.24 น้องรักที่มีเจ้านายคนเดียวกันคือ ‘บิ๊กเฒ่า’ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย เรื่องนี้ก็ต้องวัดใจ ’บิ๊กดุง’ในปีหน้า 

พร้อมๆ กับต้องดูมือใน 7 อรหันต์สภากลาโหมด้วยว่า จะยกมือโหวตสนับสนุนใคร เพราะปีหน้าจะมีมือของ ตท.24 ถึง 3 มือ คือพล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.สส. และพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. 

ตรวจแถวทัพอากาศ 

ส่วนทัพฟ้าปีนี้ก็ยังเป็นตำนานความขัดแย้งทุ่งดอนเมืองที่ยังไม่มีฉากจบ เมื่อโผรอบนี้ออกมาเป็นพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ตท.24 ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ และจะอยู่ในตำแหน่งถึง 2 ปี เพราะเกษียณอายุราชการปี 2568 

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ ตท.23 ทั้งพล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ ที่ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.อ.อ.วิศรุต สุวรรณเนตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ 

แต่ที่ต้องจับตามองคือ การวาง ‘บิ๊กคิม’ พล.อ.ท.เสกสรร คันธา ตท.26 เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ ขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหารอากาศ เพราะบิ๊กคิม จะเกษียณอายุราชการในปี 2570 เป็นดาวรุ่งอีกคนของ ตท.26 เพราะเป็นนายทหารที่มีเส้นทางการรับราชการค่อนข้างโดดเด่น เป็นผู้บังคับการกองบิน 4 ผู้บัญชาการโรงเรียนการบินทหารอากาศ ก่อนจะขึ้นเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ 

หากไม่มีอะไรสะดุด ปี 2568 บิ๊กคิม ก็จะอาวุโสสูงสุดในกองทัพอากาศ ที่พร้อมจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศต่อจาก ‘บิ๊กไก่’ ทันที 

การวางตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดของ พล.อ.ประยุทธ์รอบนี้ จึงเป็นการวางยาวถึงปี 2570 และวางโดยยึดหลักอาวุโส ที่เป็นไปได้ยาก หากการเมืองภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ที่เป็นพลเรือน ‘นายสุทิน คลังแสง’ จะเข้าแทรกแซงในการโยกย้ายนับจากนี้
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4WXQlk1UmutrYoD8ADGPqY/755291a5b053e385611cb8f58f904d5e/contributor-bamboo-leaves-goodbye-3-por-brothers-SPACEBAR-Photo06
Photo: SPACEBAR

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์