“อาถรรพ์เดือนตุลา” ที่เริ่มส่งสัญญาณหนักหน่วงมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยาฯ ที่ผ่านมา ทั้งความขัดแย้งในแวดวงสีกากี และเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองหลวง ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง
ล่าสุดยังไม่ทันผ่านสัปดาห์แรก “อาถรรพ์เดือนตุลา” ก็แผลงฤทธิ์เข้าใส่พรรคเพื่อไทยเต็มๆ
การเมืองที่ดูเหมือนจะนิ่ง หลังการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนในสภาท่วมท้นถึง 314 เสียง รัฐบาลที่ดูเผินๆ จากภายนอกควรมีเสถียรภาพเป็นอย่างยิ่ง
แต่เพียงไม่ถึงเดือนดูเหมือนรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เริ่มเจอมรสุมเดือนตุลากระหน่ำมาจากแทบทุกทิศ ทุกทาง
“พรรคเพื่อไทย” เจอทั้งศึกในพรรค ศึกนอกพรรค ที่เรียกว่า ทั้งวิบากกรรมเก่า และวิบากกรรมใหม่ ถาโถมเข้าใส่พร้อมๆ กัน
เพราะสิ่งที่เคยป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนจิตวิญญาณของพรรค และเคยเป็นศูนย์กลางความนิยมของพรรค นโยบายประชานิยม ที่ดูจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของพรรคเพื่อไทย ยามนี้ทั้ง 2 จุดแข็ง ดูคล้ายจะเป็นจุดอ่อนที่เพื่อไทยกำลังแก้ไม่ตก

“ทักษิณ ชินวัตร” กำลังถูกบรรดาโจทก์เก่า และกระแสสังคมตั้งคำถามถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชน จากที่ยังคงพำนักอยู่ที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่กลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 คืนแรกที่กลับถึงประเทศไทย และแวะไปดูงานกรมราชทัณฑ์ที่เรือนจำพิเศษบางขวาง เพียงไม่กี่ชั่วโมง
คำถามที่พรั่งพรูเข้าใส่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ล้วนแต่เป็นคำถามที่ต้องการรายละเอียด อาการ และความจำเป็นที่ทำไมคุณทักษิณ ถึงยังสามารถพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.ตำรวจโดยไม่มีกำหนด
คำถามถึงเงื่อนไขในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่วันนี้ทีมกฏหมายของคุณทักษิณได้ยื่นคำร้องไปยังกรมราชทัณฑ์แล้ว จะนำพามาสู่การพักโทษ หรือการปล่อยตัวชั่วคราวคุณทักษิณหรือไม่ ล้วนเป็นคมดาบและคมหอกที่พุ่งเข้าใส่พรรคเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คำถามที่ดูจะแหลมคม บาดลึกมากที่สุด และเป็นคำตอบที่ผู้เกี่ยวล้วนแต่ยังชี้แจงและอธิบายไม่ได้ คือ
“คุณทักษิณจะไม่ยอมติดคุกแม้เพียงวันเดียวหรือ?”
“ทักษิณ” ไม่เพียงถูกกดดัน ถูกท้าทายจากสังคม และอดีตคู่กรณีในอดีต วันนี้ยังถูกท้าทายจากอดีตสหายร่วมรบ อดีตคนรู้ใจภายในพรรค ที่ต่างทยอยตบเท้าอำลาพรรค และหันหลังให้กับคุณทักษิณมากขึ้นทุกวัน
ล่าสุดการออกมาคำรามของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” อดีตขุนศึกฝั่งธนฯ เจ้าของวาทะเด็ด “ลงทะเลเจอฉลาม เข้าสภาเจอเฉลิม” ที่ออกมาประกาศตัดขาดทักษิณ เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ไม่สนใจไม่ได้ เพราะนี่คือสัญญาณความไม่พอใจของคนรุ่นใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มไม่ได้รับความสำคัญ และไม่มีบทบาทการขับเคลื่อนพรรค

การยื่นใบลาออกจาก สส.ของ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ แกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดงในอดีต ไม่น่าจะมีนัยยะเพียงแค่เปิดทางให้ สส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป ได้ขยับเข้ามาเป็น สส.เท่านั้น แต่อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ที่เคยร่วมรบกับคุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยมาในทุกสมรภูมิน่าจะมีเหตุผลมากกว่านั้น
กรณี “ชัยเกษม นิติสิริ” ที่ลาออก ยังพอคิดมุมบวกได้ว่า มีปัญหาสุขภาพ และอาจต้องการอิสระที่จะออกมาขับเคลื่อนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
แต่กรณีท่าทีของอดีต สส.หญิงแกร่ง “ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์” ที่ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค และมีข่าวว่าอาจจะเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกลพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
ข่าวลือเรื่อง “จิรายุ ห่วงทรัพย์” อาจทบทวนบทบาทการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ร่วมต่อสู้กันมาในทุกวิกฤติ ล้วนแต่เป็นอีกหนึ่งรอยปริในพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
คุณทักษิณที่เป็นสมือนหนึ่งเครื่องหมายการค้าของพรรคเพื่อไทย กำลังตกอยู่ในสภาพของเก่าตกยุค คือเคยเป็น และยากที่จะกลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง
ทั้งพลังที่อ่อนล้าลง ทั้งการถูกจำกัดความเคลื่อนไหวให้ขยับได้ในพื้นที่จำกัด
คุณทักษิณอาจไม่ใช่จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป
ตรงกันข้ามกำลังจะเป็นจุดอ่อนที่ถูกคู่ต่อสู้โจมตีได้โดยง่าย เพราะมีแผลให้ถูกสะกิดได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะดีลลับที่ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้า คลายไม่ออก เดินหน้าก็ไม่สุด ถอยหลังก็ไม่ได้ ก็เป็นอีกจุดอ่อนสำคัญของพรรคเพื่อไทยอีกประเด็นหนึ่ง
และนี่คือ วิบากกรรมเก่าของพรรคเพื่อไทยที่สลัดเงาของคุณทักษิณออกไม่ได้
วิบากกรรมที่สอง
พรรคเพื่อไทยยังเผชิญกับวิบากกรรมใหม่ จากนโยบายหาเสียงที่ประกาศจะแจกเงินดิจิทัลให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป คนละหนึ่งหมื่นบาท
แม้จะพยายามอธิบายวิธีการขั้นตอนการแจก และเดินสายแจกแจงที่มาของเงินจำนวนห้าแสนล้านบาท
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ทั้งเดินสายไปพบ ทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” และพบปะกับนักเศรษฐศาสตร์หลายค่าย
แต่กระนั้น ผลที่ได้รับกลับถูกคัดค้าน และต่อต้านนโยบายนี้อย่างหนัก!

ความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยที่จะแจกทั้งประเทศ แต่อยากให้ทบทวนด้วยการเลือกแจกเฉพาะกลุ่มที่จะประหยัดงบประมาณได้มากกว่า
ขณะที่ 2 อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย “วิรไท สันติประภพ” และ “ธาริษา วัฒนเกส” ร่วมกันลงรายชื่อร่วมกับนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก แถลงการณ์คัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก “นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” เพราะจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดยังไม่นับรวมแรงต่อต้านทางการเมือง ทั้งพรรคก้าวไกลที่ออกโรงคัดค้านและไม่เห็นด้วยในนโยบายนี้มาโดยตลอด และสมาชิกวุฒิสภากลุ่มที่นำโดยนายสมชาย แสวงการที่เคลื่อนไหวพุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทย ทั้งประเด็นดิจิทัลวอลเล็ต และประเด็นคุณทักษิณ
ทั้งหมดล้วนเป็นทั้งวิบากกรรมเก่า และวิบากกรรมใหม่ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องทบทวน และกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคให้ชัดเจนว่า จะยังคงยึดโยงกับชัยชนะ และความสำเร็จในอดีตต่อไปอีกหรือไม่
ชัยชนะที่เคยชู “ทักษิณ ชินวัตร”
ชัยชนะที่ที่เคยชู “นโยบายประชานิยม”
ทั้งสองปัจจัยความสำเร็จ วันนี้ยังคงเป็นปัจจัยที่จะนำพรรคก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่ เพราะหากตัดสินใจพลาด
หากยังคงยึดโยงกับชัยชนะ และความสำเร็จในอดีต
พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ต้องรอนานถึง 4 ปี ที่จะพิสูจน์ผลในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ เพราะผลของการตัดสินใจผิดพลาด ผลจากการย่ำซ้ำอยู่กับที่ อาจทำให้ช่วงเวลาฮันนีมูนพีเรียดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จบเร็วกว่าที่คิด
เพราะการวางหมากพลาดเพียงตาเดียว อาจส่งผลให้หมากตานี้…ล้มทั้งกระดาน!
ทั้งหมดยังไม่รวมวิบากกรรมในอนาคต อันเนื่องมาจากผลดีลลับในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ เพราะยังมีคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะเคลื่อนออกมาต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ห้ามกระพริบตา ช่วงกลางเดือนตุลาฯ นี้อาจได้เห็น!