วิกฤติตุลาฯ อาถรรพ์ ยังร้อนแรง หนักหน่วง และทดสอบความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน อย่างหนัก
ภาพภายนอกแม้จะเห็นนายเศรษฐาตัดสินใจรวดเร็ว เด็ดขาด ใช้สไตล์การบริหารงานแบบเอกชนมาประยุกต์ใช้ในการบริหารประเทศ
แต่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน เศรษฐากลับยังไม่ฉายชัดถึงความเป็นมืออาชีพที่แวววาวสกาวนัก เมื่อเทียบกับสไตล์การบริหารของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้กระทั่ง “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายเศรษฐาอาจมองว่า สถานการณ์บางอย่างไม่วิกฤติเพียงพอที่จะต้องหยิบยกรูปแบบการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติหรือ Crisis Management ที่องค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ทุกองค์กรจักต้องมีขึ้นมาใช้
นายเศรษฐาอาจมองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอล หรือบริเวณฉนวนกาซา ที่มีแรงงานไทยไปทำงานอยู่นับหมื่น ยังเป็นเรื่องไกลตัว
นายเศรษฐาอาจมองว่า การอพยพแรงงานไทยที่แจ้งความจำนงจะกลับประเทศ ซึ่งมีจำนวนล่าสุดทะลุห้าพันคนไปแล้ว อาจไม่ใช่เรื่องวิกฤติ หรืออาจเป็นกระบวนการที่รอได้ เพราะล่าสุดพื้นที่สู้รบแปรจากอิสราเอล ไปสู่พื้นที่ในเขตกาซาแล้ว
นายเศรษฐาอาจเห็นยอดแรงงานที่เสียชีวิต ยังจำกัดอยู่แค่ 20 คน ตามตัวเลขที่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการเมื่อบ่ายวันที่ 11 ตุลาคม 2566
เราจึงยังไม่เห็นการบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้น
เราจึงยังไม่เห็นการสั่งการแบบรวมศูนย์หรือ Single Command เกิดขึ้น
เราจึงยังไม่เห็นศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
เราจึงไม่เห็นการแถลงข่าวแบบ Single Message เกิดขึ้น
ตรงกันข้ามสิ่งที่เห็นในหลายวันที่ผ่านมา คือ แต่ละหน่วยงาน แต่ละกระทรวง ต่างคนต่างทำ ต่างฝ่ายต่างแถลง
นายกรัฐมนตรียังคงกำหนดการเดินทางไปเยือนต่างประเทศตามปกติ
เราเห็นตัวเลขกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงานที่ไม่สอดคล้องกัน
เราเห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวการอพยพคนไทยกลับ โดยใช้พื้นที่ท่าอากาศยานทหารของกองทัพอากาศเป็นที่แถลง
เราเห็นความไม่ประสีประสาของแผนการอพยพที่ถูกตั้งคำถามในหลายแง่มุม ทั้งจำนวนอากาศยานที่ใช้ และความล่าช้าในการประสานงานกับรัฐบาลอิสราเอล ถึงแผนการขอใช้น่านฟ้า
นายกรัฐมนตรีใช้เวลา 5 วันที่ผ่านไปอย่างสิ้นเปลือง
เป็นฟุตบอล ก็เรียกว่า ใช้โอกาสเปลืองในการทำประตู
ท่าทีเช่นนี้ อย่าโกรธ หากมีคนโหยหาถึงอดีตนายกรัฐมนตรี 2 ท่าน
อย่ารู้สึกไม่ดีหากถูกเปรียบเทียบกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะทั้ง 2 ท่านโดดเด่น เห็นชัด และสุกสกาววาวยิ่ง สำหรับการตัดสินใจในภาวะการณ์เช่นนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลรอบนี้ พิเคราะห์จากตำแหน่งที่เกิดเหตุ ประเมินจากคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย
ไทยอาจไม่จำเป็นต้องยกระดับขึ้นสู่สถานการณ์วิกฤติ สถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีต้องเปิด Hot Line ถึงผู้นำอิสราเอล
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่ที่มีแรงงานอยู่เป็นหมื่น
อย่าแปลกใจที่ทำไมคนไทยเสียชีวิตมากกว่าคนต่างชาติประเทศอื่นๆ
อย่าแปลกใจที่ทำไมคนไทยบาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่าชาติอื่น
อย่าแปลกใจที่ยอดผู้สูญหายของแรงงานไทย ยังอยู่ภาวะการณ์ที่ยังประเมินไม่ได้
นั่นเพราะไทยมีแรงงานที่เข้าไปทำงานในภาคเกษตรที่นั่นมากที่สุด
ตัวเลขทางการน่าจะเกินหมื่น
ส่วนตัวเลขนอกระบบยังสรุปไม่ได้
คนไทยจำนวนนับหมื่นอยู่ในพื้นที่สงคราม อยู่ระหว่างสงครามขีปนาวุธของทั้งสองฝ่าย ในจำนวนนั้น 5 พันคนแสดงความจำนงจะขอกลับประเทศ
ถ้าเรายังไม่คิดจะยกระดับสถานการณ์บัญชาการขึ้นเป็น War Room และมีศูนย์สั่งการแบบ Single Command และมีการสื่อสารแบบไม่สร้างความสับสนแบบ Single Message แล้วเราจะรอเวลาไหนครับ
ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยเคยตัดสินใจเปิดปฏิบัติการครั้งสำคัญ ที่ต้องบูรณาการหน่วยงานทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการแบบเด็ดขาดมาแล้ว 3 ครั้ง
- ครั้งแรก เป็นปฏิบัติการโปเชนตง จากเหตุจลาจลกลางกรุงพนมเปญ เมื่อปี 2546
- ครั้งที่สอง คือเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มพื้นชายฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย เมื่อปี 2547
- และล่าสุด วิกฤติโควิดปี 2562
สองครั้งแรกเป็นรัฐบาลของ ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนครั้งล่าสุดเป็นรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปฏิบัติการโปเชนตง พ.ศ.2546
ปฏิบัติการโปเชนตง เมื่อปี 2546 คุณทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการฉุกเฉิน ทันทีที่ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุจลาจลกลางกรุงพนมเปญ และมีทรัพย์สินของคนไทยถูกเผาทำลายหลายแห่ง
ก่อนจะมีมติคณะรัฐมนตรีประณามอย่างรุนแรง และยื่นหนังสือประท้วงต่อเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย พร้อมส่งตัวทูตกัมกูพชากลับประเทศ และลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลงทันที
ขณะเดียวกันพลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำปลัดกลาโหม และผู้นำทั้ง 4 เหล่าทัพ เข้าประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก่อนจะตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ เพื่ออพยพคนไทยในกัมพูชากลับ
ครั้งนั้นนายกฯ ทักษิณ มอบหมายให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยกองบัญชาการทหารสูงสุดได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อควบคุมและอำนวยการเหตุการณ์ ภายใต้การสั่งการของผบ.สส. ในรหัส “ปฏิบัติการโปเชนตง”
ปฏิบัติการโปเชนตงสามารถอพยพคนไทยทั้งหมดกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย แม้จะเกิดการสูญเสียกำลังพลของกองทัพเรือจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก แต่ก็ถือว่าเป็นปฏิบัติการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
สึนามิ พ.ศ.2547
เหตการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เป็นอีกครั้งที่นายฯ ทักษิณสั่งการอย่างฉับไว และมีการบูรณาการทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน โดยมีการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงไปคอยสั่งการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

การสั่งการที่รวดเร็ว โดยใช้กลไกการประชุมครม.เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ และการมอบหมายงานให้รัฐมนตรีมีอำนาจในการดำเนินการได้ทันที หากเป็นการตัดสินใจในขอบเขตอำนาจที่ได้รับการมอหมาย ทำให้ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรองรับในการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที
การทุ่มเทลงพื้นที่ในครั้งนั้น โดยไม่ทิ้งกำหนดการหาเสียงในพื้นที่อื่น ทั้งที่ขณะนั้นอยู่ในช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2548 ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ได้คะแนนนิยมกลับมาจากประชาชนอย่างล้นหลามอีกครั้ง จนชนะการเลือกตั้งแบบเด็ดขาดในปีนั้น
รวมทั้งยังทำให้ กฤษ สีฟ้า ปักธงไทยรักไทยลงในภาคใต้ที่จังหวัดพังงาได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
“ลุงตู่” กับโมเดล ศบค. มาตรการควบคุม “โควิด”
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นรัฐบาลตัวแทนของพรรคข้าราชการ เพราะยึดระเบียบราชการ และให้ความสำคัญกับคนในวงการราชการมากกว่าจะใช้นักการเมืองหรือภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ

แต่การตัดสินใจในเรื่องมาตรการควบคุมโควิดได้รับการยอมรับว่า เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด หลังจากพลเอกประยุทธ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ที่มีการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มาขึ้นอยู่ภายใต้การสั่งการของผู้อำนวยการ ศบค.
มาตรการทั้งหมด แม้ถูกโจมตีว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจ และฉวยโอกาสใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวบอำนาจการบริหารมาไว้ในมือ และมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่จะสั่งการ ดำเนินการ ออกมาตรการตามที่ระบุในพ.ร.ก.ฉบับนี้ แต่การควบคุมที่ได้ผล และมีมาตรการที่ชัดเจน ทำให้ไทยได้รับการยอมรับว่า เป็นประเทศที่มีมาตรการที่ดีติดอันดับโลกในการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
การตัดสินใจทั้ง 3 ครั้งของรัฐบาลที่ผ่านมา แม้จะฉับไว ทันการ แต่เป็นความฉับไวที่ผ่านการกลั่นกรอง มีการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบฉุกเฉิน เพื่อหารือและเลือกมาตรการที่เหมาะสม เด็ดขาด และเห็นผลที่ชัดเจน
ขณะที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน อาจจะรวดเร็วจริง แต่รวดเร็วในการแสดงท่าทีผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า “ไม่เหมาะสม” และ “ไม่รอบคอบ” ในการแสดงท่าทีเช่นนั้น
นายกฯ เศรษฐาไม่เลือกวิธีประชุมครม.ฉุกเฉิน แต่เลือกวิธีสั่งการตรง และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ
แผนอพยพที่ยังมีจุดอ่อน จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ผู้สูญหาย และผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่ถูกแถลงแบบรวมศูนย์
แม้ล่าสุดนายเศรษฐาจะสั่งการให้เพิ่มเที่ยวบินให้เพียงพอ สำหรับการอพยพคนไทยกลับประเทศ ตามจำนวนที่มีการแสดงความจำนงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีมาตรการที่เรียกว่า บูรณาการแบบรวมศูนย์สั่งการ ไม่มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน
การอพยพคนไทยกลับประเทศ ไม่ได้มีเพียงการนำคนไทยขึ้นเครื่องบินกลับมาเท่านั้น เพราะคนไทยจำนวนมาก ยังอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมที่อาจต้องใช้คาราวานรถบรรทุกลำเลียงคนไทยมายังสนามบินในกรุงเทลอาวีฟ
การประสานเส้นทางการบินที่ต้องบินผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ การเตรียมกำลังที่ต้องขึ้นไปอากาศยานแต่ละลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ แพทย์ พยาบาล และทีมประสานงาน เจ้าหน้าที่แต่ละกระทรวงไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ หากไม่มีศูนย์ปฏิบัติการ หรือศูนย์สั่งการที่มีอำนาจเต็ม
ทั้งหมดเป็นเรื่องที่นายเศรษฐาต้องเร่งรีบในการตัดสินใจมากกว่า
ถึงเวลาที่ผู้บัญชาการกองทัพไทยต้องเข้ามามีบทบาทใน Operation ที่ต้องบูรณาการกำลังทุกเหล่าทัพหรือยัง
ถึงเวลาที่ต้องมีศูนย์ปฏิบัติการที่มีอำนาจเต็มในการสั่งการหรือยัง
ถึงเวลาที่จะต้องมีศูนย์แถลงข่าวที่ไม่สร้างความสับสนหรือยัง
ถึงเวลาที่จะต้องมีศูนย์ประสานงานดูแลและรับข้อมูลจากญาติแรงงาน เพื่อข้อมูลที่ถูกต้องหรือยัง
หรือยังต้องให้แต่ละกระทรวง แต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำต่อไป

ทั้งหมดเปรียบดัง ‘หินลองทอง’ ที่จะทดสอบความสามารถของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่าเป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่เรียกว่า ‘มือโปร’ หรือยังเป็นเพียงนักบริหารที่ ‘รอเทิร์นโปร’ เท่านั้น
แต่จะตัดสินใจยังไง ก็อย่าให้อายลุงนะครับ
เพราะอย่างน้อยที่สุด ลุงก็แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเฉียบขาดมาแล้ว