ภาพการแถลงข่าวของ 6 พรรคการเมืองที่ประกาศร่วมโหวตนายรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาของวราวุธ ศิลปอาชา ที่จะนำ 10 เสียงของพรรคเข้าร่วมโหวตด้วย
สมการจัดตั้งรัฐบาลรอบใหม่ ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2566 จึงน่าจะประกอบด้วย 212 เสียงจากพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และอีก 26 เสียงจาก 7 พรรค ได้แก่
สมการจัดตั้งรัฐบาลรอบใหม่ ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2566 จึงน่าจะประกอบด้วย 212 เสียงจากพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และอีก 26 เสียงจาก 7 พรรค ได้แก่
- 10 เสียง จากพรรคชาติไทยพัฒนา
- 9 เสียง จากพรรคประชาชาติ
- 2 เสียง จากพรรคเพื่อไทรวมพลัง
- 2 เสียง จากพรรคชาติพัฒนากล้า
- 1 เสียง จากพรรคเสรีรวมไทย
- 1 เสียง จากพรรคพลังสังคมใหม่
- 1 เสียงจากพรรคท้องที่ไทย

ดูเผินๆ ก็น่าจะไม่ยากที่จะรวมกันให้เกิน 250 เสียง และเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร ตรงตามหลักการรัฐบาลเสียงข้างมากเป๊ะ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีปรากฏการณ์ ‘หวานเจี๊ยบ’ ที่ทีมบริหารพรรคเพื่อไทย นำโดยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลงทุนงอนง้อด้วยการยกขบวนเดินข้ามตึกไปขอพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นัยว่าจะขอ 148 เสียงจากก้าวไกล ให้ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทย เพื่อจะได้ปิดสวิตช์ สว.ร่วมกัน
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีปรากฏการณ์ ‘หวานเจี๊ยบ’ ที่ทีมบริหารพรรคเพื่อไทย นำโดยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลงทุนงอนง้อด้วยการยกขบวนเดินข้ามตึกไปขอพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นัยว่าจะขอ 148 เสียงจากก้าวไกล ให้ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทย เพื่อจะได้ปิดสวิตช์ สว.ร่วมกัน

แต่มีเงื่อนไขขอแค่คะแนนโหวต โดยไม่ผูกพันเรื่องร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะถ้าได้ 148 เสียงจากก้าวไกล รวมกับ 238 เสียงที่มีอยู่ตอนนี้ก็ได้ 386 เสียง เกินครึ่งนึงของสมาชิกรัฐสภาไปแล้ว
แต่เกมการเมืองวันนี้ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เพราะถ้าทำสำเร็จ ก็เท่ากับไม่แค่ปิดสวิทช์ สว.เท่านั้น แต่ดันไปดับฝันหรือปิดสวิทช์ใครบางคนที่พรรคพลังประชารัฐไปด้วย
เพราะถ้าไม่มีสมการ ‘กอดคอหนู ควงแขนก้าวไกล เลือกเพื่อไทยเป็นนายกฯ’
ถนนทุกสายยังไงก็ต้องไปจบลงที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่มีสูตรไหน สมการไหน จะมีเสียงเพียงพอต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ลงตัว
แต่เกมการเมืองวันนี้ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เพราะถ้าทำสำเร็จ ก็เท่ากับไม่แค่ปิดสวิทช์ สว.เท่านั้น แต่ดันไปดับฝันหรือปิดสวิทช์ใครบางคนที่พรรคพลังประชารัฐไปด้วย
เพราะถ้าไม่มีสมการ ‘กอดคอหนู ควงแขนก้าวไกล เลือกเพื่อไทยเป็นนายกฯ’
ถนนทุกสายยังไงก็ต้องไปจบลงที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่มีสูตรไหน สมการไหน จะมีเสียงเพียงพอต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ลงตัว

ที่ผ่านมากับดักทางการเมือง บีบเส้นทางการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ยังไงก็จะต้องไหลมาที่ ‘ลุงป้อม’ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลสูตรสำเร็จ และเพื่อกำหนดเกมอำนาจใหม่ หลังจากพ่ายแพ้ในเกมช่วงชิงเก้าอี้ มท.1 ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนนำมาสู่ความแตกร้าวระหว่างพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร
เพราะครั้งนั้น ‘ลุงตู่’ ตัดสินใจจัดระเบียบอำนาจใหม่ ด้วยการลงมาดูงานความมั่นคง ทั้งในกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งปรับคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีทั้งร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และอาจารย์แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งทั้งคู่เป็นเสมือนกล่องดวงใจของพลเอกประวิตร
การจัดระเบียบอำนาจครั้งนั้น ยังส่งผลให้การทำบัญชีโยกย้ายทหาร ตำรวจ ตกมาอยู่ในมือพลเอกประยุทธ์เกือบ 100%
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งดีลเลิฟ ดีลลับ ที่ดีลกันก่อนการเลือกตั้ง ล้วนมีเงื่อนไขสำคัญ คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรีควบการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
และจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อนกลางเดือนสิงหาคม เพื่อกำหนดเกมอำนาจรอบใหม่ ให้ทันทั้งการปรับย้ายทหาร ตำรวจ และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ทั้งระดับอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
วางเกมยาวตั้งแต่ฤดูโยกย้ายปี 2566 และเตรียมวางยาว เพื่อสร้างฐานอำนาจต่อเนื่องอีก 4 ปี หลังจากกระทรวงมหาดไทยตกอยู่ภายใต้การดูแลของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มายาวนานตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน
เพราะครั้งนั้น ‘ลุงตู่’ ตัดสินใจจัดระเบียบอำนาจใหม่ ด้วยการลงมาดูงานความมั่นคง ทั้งในกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งปรับคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีทั้งร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และอาจารย์แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งทั้งคู่เป็นเสมือนกล่องดวงใจของพลเอกประวิตร
การจัดระเบียบอำนาจครั้งนั้น ยังส่งผลให้การทำบัญชีโยกย้ายทหาร ตำรวจ ตกมาอยู่ในมือพลเอกประยุทธ์เกือบ 100%
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งดีลเลิฟ ดีลลับ ที่ดีลกันก่อนการเลือกตั้ง ล้วนมีเงื่อนไขสำคัญ คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรีควบการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
และจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อนกลางเดือนสิงหาคม เพื่อกำหนดเกมอำนาจรอบใหม่ ให้ทันทั้งการปรับย้ายทหาร ตำรวจ และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ทั้งระดับอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
วางเกมยาวตั้งแต่ฤดูโยกย้ายปี 2566 และเตรียมวางยาว เพื่อสร้างฐานอำนาจต่อเนื่องอีก 4 ปี หลังจากกระทรวงมหาดไทยตกอยู่ภายใต้การดูแลของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มายาวนานตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

อย่าแปลกใจที่ทำไม กกต.รับรองผลการเลือกตั้งเร็ว
อย่าแปลกใจที่ทำไมถึงเร่งเกมโหวตนายกรัฐมนตรี
อย่าแปลกใจที่ทำไม สว.ไม่โหวตให้ใครสักคน ถ้าไม่ใช่ลุง
เพราะเมื่อเอาจิ๊กซอว์มาต่อรวมกัน ภาพมันชัดว่า นี่คือ The Last War สงครามช่วงชิงอำนาจรอบสุดท้ายที่ต้องทุ่มหมดหน้าตัก
เพราะพลาดรอบนี้ พลาดแล้ว...พลาดเลย
อย่าแปลกใจที่ทำไมถึงเร่งเกมโหวตนายกรัฐมนตรี
อย่าแปลกใจที่ทำไม สว.ไม่โหวตให้ใครสักคน ถ้าไม่ใช่ลุง
เพราะเมื่อเอาจิ๊กซอว์มาต่อรวมกัน ภาพมันชัดว่า นี่คือ The Last War สงครามช่วงชิงอำนาจรอบสุดท้ายที่ต้องทุ่มหมดหน้าตัก
เพราะพลาดรอบนี้ พลาดแล้ว...พลาดเลย