ชำแหละโผ ครม. ‘นิด 1’ ดูจะไม่นิดหน่อย

ผ่านไปเกือบสัปดาห์ นับจากวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ซึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 

จนถึงล่าสุด คืนวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม รายชื่อคณะรัฐมนตรี ‘เศรษฐา 1’ หรือ ‘นิด 1’ ก็ยังไม่ลงตัว รายชื่อที่ปรากฏบนหน้าสื่อแต่ละสื่อ เหมือนใครรักใครชอบใคร ใครเชียร์ใคร ใครใกล้ชิดใคร ก็มีชื่อคนนั้นปรากฏลงบนโผ 

ถ้าตามอ่านกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมจนถึงวันที่ 27 สิงหาคม น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 โผ แต่ละโผ แต่ละวัน ชื่อไม่ซ้ำกันสักโผ

นิ่งสุดที่ติดทุกโผ น่าจะเป็น พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะนิ่งมาตั้งแต่วันแรกๆ จนถึงวันนี้ 

ถัดมาจนถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เริ่มปรากฏความนิ่งเพิ่มมาที่ หมอชลน่าน ศรีแก้ว ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประเสริฐ  จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส 

นอกนั้นแม้จะมีชื่อ แต่ก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ปรับครม.กันทุกชั่วโมง 

เหตุผลของความไม่ลงตัว ดูเหมือนเพื่อไทยจะเจอทั้งศึกในศึกนอกที่โหมมาทุกด้าน 

ทั้งการต่อรองกระทรวงหลัก ที่จบไม่ลง เมื่อคนไปเจรจาอย่าง ภูมิธรรม เวชชยชัย และประเสริฐ จันทรรวงทอง ก็ไม่มีอำนาจเต็ม 100 

คุยจบบนโต๊ะ แต่กลับมาถึงพรรคก็ยังไม่จบ

กระทรวงเจ้าปัญหาที่ส่งผลให้ครม.นิด 1 ดูจะไม่ใช่เรื่องนิดหน่อย ไม่ใช่กระทรวงที่เป็น เมกะโปรเจคเหมือนในอดีต 

แต่กลับเป็นกระทรวง 2 ก. คือ ‘กลาโหม’ และ ‘เกษตรฯ’ กับกระทรวงมหาดไทย 1 ใน 3 จิ๊กซอว์ กระทรวงอำนาจ ที่เพื่อไทยจำต้องเก็บไว้ในมือ หากต้องการวางรากฐานชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

ภูมิใจไทยยืนยันว่า ถ้าเพื่อไทยจะเอามหาดไทยไว้ ก็ต้องยกกระทรวงเกษตรฯ ให้ภูมิใจไทย หรือไม่ก็ต้องคืนคมนาคม กับสาธารณสุขกลับมาให้ 

ชื่อของ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงยังไม่นิ่งว่า นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไหน ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย หรือสาธารณสุข 

ขณะที่พลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ย้ำชัด ถ้าพปชร.ไม่ได้เกษตรฯ ก็ต้องได้กระทรวงกลาโหม 

แค่สองเงื่อนไขนี้ ก็ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปเกือบทุกกระทรวงที่เหลือ เพราะจัดสรรไม่ลงตัว 

กระทรวงกลาโหมนั้น ช่วงหลังเริ่มมีสัญญาณชัดมาจาก 2 ใน 3 พลังเงียบที่อยู่เบื้องหลังดีลสิงคโปร์รอบสุดท้าย ก่อนทักษิณ ชินวัตร จะก้าวขึ้นเครื่องว่า ต้องเป็นโควตากลาง 

เพื่อความมั่นใจว่า กระทรวงอำนาจสำคัญกระทรวงนี้จะไม่ตกไปอยู่ในมือพรรคพลังประชารัฐ เพราะรู้กันว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กำหนดตัวผู้ที่จะนั่งรัฐมนตรีกระทรวงนี้เอาไว้แล้ว คือ บิ๊กน้อย-พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา 

ล่าสุดจึงมีชื่อ บิ๊กเล็ก-พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะคนใกล้ชิด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 ของพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก เข้ามาเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

อันทำให้เพื่อไทยต้องพลิกแผนปรับรายชื่อโผ ครม.นิด 1 ใหม่ โดยยื่นเงื่อนไขใหม่ให้กับ พปชร. ขอเปลี่ยนเป็นกระทรวงอื่นที่ไม่ใช่กลาโหม 

แต่...ยิ่งแสดงอาการขอคืนมาก ก็ยิ่งเปิดทางให้จอมเก๋าอย่าง ‘ผู้กองธรรมนัส’ อ่านทางออก

เกมการต่อรองขอกระทรวงเกษตรฯ ที่ผู้กองหมายมั่นปั้นมือมาตั้งแต่ต้นก็เกิดขึ้น 

พร้อมกับการปล่อยรายชื่อโผ ครม.นิด 1 ที่เปิดกี่โผก็มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ติดโผว่าการกระทรวงเกษตรฯ แทบทุกโผ จนเหมือนจะสะกดกองเชียร์ให้เชื่อว่า ผู้กองจะนิ่งอยู่ที่กระทรวงนี้แน่นอน 

เชื่อกันจนนักวิ่งในกระทรวงเกษตรฯ ตบเท้ามุ่งไปยัง พปชร.กันอย่างคึกคัก! 

ส่วนกลาโหมก็กันเหนียวด้วยการปล่อยข่าวตีกันว่า ‘พลเอกณัฐพล’ ไม่เหมาะสมจะนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ เพราะเป็นหนึ่งในผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 

งานนี้เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับอึ้ง เพราะปี 2553 ‘บิ๊กเล็ก’ ยังมียศแค่พันเอกพิเศษ ในตำแหน่งผู้อำนวยการ ในกรมยุทธการทหารบก ซึ่งไม่มีบทบาทในการสลายการชุมนุมแม้แต่น้อย 

ประการสำคัญ ‘พลเอกณัฐพล’ ยังเติบโตในเส้นทางนายทหารสายบุ๋น หรือสายเสนาธิการมากกว่า ไม่ใช่สายกำลังรบ 

ก็ต้องวัดใจว่า ยุทธการข่าวปล่อยรอบนี้จะส่งผลให้ ‘บิ๊กเล็ก’ หลุดจากเส้นทางแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ 

เพราะการส่งชื่อ ‘บิ๊กเล็ก’ ลงมารอบนี้ ไม่ใช่แค่สายลมที่เบาบาง แต่หนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขาจากพลังเงียบที่อยู่เบื้องหลัง 

การต่อรองที่เข้มข้นของผู้กองรอบนี้ ทำให้หลายคนในเพื่อไทยถึงกับเสนอผู้ใหญ่ในพรรคให้หยุดการต่อรอง 

เพราะ พปชร.ก็ควรตระหนักว่า มารอบนี้ มาแค่ 40 เสียง ไม่ได้มาพร้อมเสียง สว.152 เสียง แบบรวมไทยสร้างชาติ 

คนในเพื่อไทยบางคนถึงกับบอกว่า “ต่อรองมาก ก็หาพรรคใหม่มาเปลี่ยน มีอยู่ 315 ขาดไป 40 เสียง ก็ยังมีอีก 275 ถ้ากลัวเสียงปริ่มน้ำ ก็ยังมี 16 เสียงจากประชาธิปัตย์ที่พร้อมสนับสนุน แต่เพื่อไทยต้องได้มหาดไทย เกษตรฯ สาธารณสุข เพราะเป็นกระทรวงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับฐานเสียงของพรรค” 

ส่วนข้อต่อรองของภูมิใจไทยที่ยืนยันจะเอากระทรวงมหาดไทยและกับกระทรวงเกษตรฯ หรือไม่ก็ต้องคืนกระทรวงคมนาคมกลับมาให้ เป็นข้อต่อรองที่คนในเพื่อไทยบอกว่า 

“เพื่อไทยไม่จำเป็นต้องเอากระทรวงคมนาคมมากอดเอาไว้ เพราะแทบไม่เหลือโครงการไหน เป็นเนื้อเป็นหนังให้สร้างผลงานได้” 

“ใครๆก็รู้ว่า สมัยที่ภูมิใจไทยนั่งเป็นเจ้ากระทรวงมา 4 ปี รัฐมนตรีศักดิ์สยามอนุมัติไปแล้วแทบจะทุกโครงการ เพื่อไทยควรให้ภูมิใจไทยเอาคมนาคมไปสานต่อ มากกว่าจะมานั่งสานต่อให้ภูมิใจไทย” 

สัปดาห์นี้จึงต้องมาติดตามกันใกล้ชิดว่า โผ ‘ครม.นิด 1’ จะมีปัญหาแค่นิดหน่อย หรือลุกลามถึงขั้นต้องทุบโต๊ะคุยกันใหม่ 

โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงมหาดไทย ที่สมาชิกส่วนใหญ่ รวมถึง นายกฯ นิด-เศรษฐา ทวีสิน เริ่มเห็นพ้องต้องกันว่า จำต้องเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นกระทรวงยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของพรรค 

“ได้โควตา 2 กระทรวงนี้มาก่อน แล้วก็ค่อยมาแก้ปัญหาศึกในว่า ใครจะมานั่งว่าการกระทรวงเกษตรฯ เมื่อสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็แสดงความพร้อมที่จะนั่งกระทรวงนี้มาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งส่วนกระทรวงมหาดไทย ยังไงก็ต้องเป็นภูมิธรรม” 

ศึกชิงสองกระทรวงนี้ระหว่างเพื่อไทยกับสองพรรค ดุเดือดเข้มข้นขนาดไหน ต้องเกาะจอรอดูห้ามกระพริบตา 

“ไม่พักต้องพูดถึงกระทรวงกลาโหม ที่โปรดฟังอีกครั้งว่า เป็นโควตากลาง เข้าใจมั้ยว่าเป็นโควตากลาง …อย่าให้ต้องพูดบ่อย”