ผลการสรรหาจุฬาราชมนตรีจากที่ประชุมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน) เป็นไปตามคาดหมาย
เมื่อ อรุณ บุญชม ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 เป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 471 เสียง

ขณะที่อันดับ 2 ประสาน ศรีเจริญ ได้รับคะแนนจากที่ประชุม 129 คะแนน
อันดับ 3 ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ 115 คะแนน
บัตรเสีย 7 ใบ
บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 ใบ
รวมผู้ร่วมประชุมและร่วมลงคะแนนสรรหาจุฬาราชมนตรี 723 คน จากจำนวนกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 40 จังหวัดทั่วประเทศ ที่มีสิทธิลงคะแนน 772 คน
ผลการลงคะแนนซึ่งนายอรุณได้รับเสียงสนับสนุนถึง 419 เสียง หรือคิดเป็น ร้อยละ 57.95 จากผู้เข้าประชุมทั้งหมด
หรือคิดเป็นร้อยละ 54.27 จากจำนวนกรรมการอิสลามทั่วประเทศ

นับเป็นมติเอกฉันท์ และไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้นำศาสนาในหลายพื้นที่ และผู้ที่มีบทบาทต่อกลุ่มคนไทยมุสลิมเชื้อสายสำคัญ ทั้งเปอร์เซีย มลายู และปาทาน ต่างก็เห็นตรงที่จะสนับสนุนนายอรุณให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนี้
419 เสียงของนายอรุณ แน่นอนว่าสามารถดึงผู้สนับสนุนทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นคะแนนผกผันที่ทำให้ ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ คนหนุ่มที่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ในภาคใต้ได้รับเสียงสนับสนุนตกไปเป็นอันดับ 3 โดยได้เพียง 115 คะแนน ต่ำกว่านายประสาน ศรีเจริญ อันดับ 2 ที่ได้รับเสียงสนับสนุน 129 เสียงถึง 15 คะแนน
นอกจากผลการลงคะแนนสรรหาจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 ที่ปรากฏชัดถึงบทบาทของกลุ่มผู้สนับสนุนอรุณ บุญชม ที่ครอบคลุมมุสลิมเชื้อสายหลักทั้ง 3 เชื้อสาย และครอบคลุมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดส่วนใหญ่ของประเทศ
ภาพการประชุมที่ปรากฏ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มาทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม
ภาพของ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย จากพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมปรากฏบนเวที ที่ประคบเคียงข้าง อรุณ บุญชม ว่าที่จุฬาราชมนตรีคนที่ 19 ยังเป็นภาพที่ส่งนัยยะสำคัญเช่นกัน

นัยยะหนึ่ง ทั้งสองคนต่างก็เป็น มุสลิมเชื้อสายปาทาน ทั้งคู่
อีกนัยยะหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักการเมือง คนหนึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกคนหนึ่งก็ดำรงตำแหน่ง สส.
แม้คนหนึ่งจะมาในฐานะตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กฏหมายระบุว่าจะต้องเป็นประธานในประชุม
ส่วนอีกคนหนึ่งมาในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
แต่ด้วยสถานะการเป็นนักการเมือง สถานะที่มีบทบาทสำคัญในแต่ละพรรค ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลต่อการถูกตั้งข้อสังเกตว่า การเมืองจะเข้ามาแทรกในการบริหารกิจการอิสลามหรือไม่
โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยมีคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามหลายล้านคน และพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันทางการเมืองค่อนข้างหนักหน่วง
ก่อนหน้านี้ พิเชษฐ์ สถิรชวาล จากพรรคเพื่อไทย ครั้งที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ก็ถูกตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่า เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อหวังขยายฐานทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทยในภาคใต้
เด่น โต๊ะมีนา อดีตรัฐมนตรีและ สส.จังหวัดปัตตานีหลายสมัย ที่เคยสังกัดทั้งพรรคความหวังใหม่ และพรรคไทยรักไทยในสมัยนั้น ก็เคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วเช่นกัน
บทบาทของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ และพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ นับจากนี้จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือต้องจับตาว่าเมื่อ อรุณ บุญชม ได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 แล้ว จะสร้างสมดุลระหว่างการเมืองและกิจการศาสนาอย่างไร

โดยเฉพาะการจัดวางตำแหน่งให้สำนักจุฬาราชมนตรี ที่มีบทบาทต่อการบริหารกิจการอิสลามที่สำคัญทั้งหมด และการจัดวางตำแหน่งกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยในโควตาของจุฬาราชมนตรีที่มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยทั้งหมด
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยที่คัดเลือกโดยจุฬาราชมนตรี ในช่วงจุฬาราชมนตรี อาศิส พิทักษ์คุมพล มีทั้งหมด 12 คน จากจำนวนคณะกรรมการ 50 คน โดยครั้งนั้นมีตัวแทนจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพียง 36 คน เพราะยังมีคณะกรรมการอิสลามประจังหวัดเพียง 36 จังหวัด
ปัจจุบันมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 40 จังหวัด ก็จะมีตัวแทนจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพิ่มเป็น 40 คน สัดส่วนของกรรมการกลางที่มาจากการคัดเลือกจุฬาราชมนตรีก็จะเพิ่มเป็น 13 คน รวมเลขาธิการอีก 1 คนที่คัดเลือกโดยจุฬาราชมนตรี ก็จะมีกรรมการในสัดส่วนจุฬาราชมนตรี 14 คน

กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยที่คัดเลือกโดยจุฬาราชมนตรียุค อาศิส พิทักษ์คุมพล คือ
- อรุณ บุญชม
- ประสาน ศรีเจริญ
- รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน
- บาบอแม (แวดือราแม มะมิงจิ) ประธานคณะกรรมการอิสลามประจังหวัดปัตตานี
- อนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภาที่ต่อมา ลาออกเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และเป็นแม่ทัพคุมการเลือกตั้งภาคใต้ให้กับพรรค
- ซากีย์ พิทักษ์คุมพล บุตรชายของอาศิส พิทักษ์คุมพล
- รศ.ดร.อิสมาแอ อาลี
- ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ
- ประสิทธิ์ มะหะหมัด
- เอกพจน์ วงศ์อารยะ บุตรชายของอารีย์ วงศ์อารยะ
- มาโนช พันธ์ฉลาด
- พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ได้รับการคัดเลือกจากจุฬาราชมนตรีให้รับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวม 13 คน
ในยุคของว่าที่จุฬาราชมนตรี อรุณ บุญชม จึงต้องติดตามใกล้ชิดว่า 14 กรรมการกลางในสัดส่วนของจุฬาราชมนตรีจะมีใครบ้าง และแต่ท่านจะมีบทบาทอย่างไร และใครจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลาง ยังจะเป็น พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ อีกหรือไม่
นอกจากประเด็นทางการเมือง และประเด็นการคัดเลือกกรรมการกลางอิสลามในสัดส่วนจุฬาราชมนตรีแล้ว ว่าที่จุฬาราชมนตรีคนใหม่ ยังต้องเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย

เนื่องเพราะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (กอจ.) ทั้ง 40 จังหวัดจะครบวาระในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ และแต่ละจังหวัดจะต้องจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชุดใหม่โดยเร็ว
เพราะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทุกจังหวัด จะต้องคัดเลือกตัวแทนจังหวัดละ 1 คน ให้สำนักจุฬาราชมนตรีเสนอพร้อมรายชื่อกรรมการกลางในสัดส่วนจุฬาราชมนตรี ทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทยชุดใหม่

การเลือกตั้ง กอจ.ทั้ง 40 จังหวัดรอบนี้ จึงน่าจะมีการแข่งขันกันหนักในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งกิจการอิสลาม และบทบาททางการเมืองและด้านความมั่นคงในพื้นที่ ที่วันนี้ไฟใต้ยังคงคุโชน
ทั้งหมดคือ ภารกิจแสนหนักหน่วงของ ว่าที่จุฬาราชมนตรีคนที่ 19 บนเส้นทางชัยชนะในรอบนี้