ผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดระยอง ที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล พงศธร ศรเพชรนรินทร์ เอาชนะ หมอบัญญัติ เจตนจันทร์ จากพรรคประชาธิปัตย์ไปกว่าหมื่นคะแนน ด้วยคะแนน 39,296 ต่อ 26,376 คะแนน แม้เป็นชัยชนะในการเลือกตั้งแค่เพียงเขตเดียว
แต่คะแนน 39,296 ที่เพิ่มขึ้นถึง 11,745 คะแนน จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่นครชัย ขุนณรงค์ ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนน 27,551 คะแนน เป็นนัยยะที่น่าสนใจยิ่ง
น่าสนใจยิ่งว่า 11,745 คะแนนนั้น เพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร
แต่คะแนน 39,296 ที่เพิ่มขึ้นถึง 11,745 คะแนน จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่นครชัย ขุนณรงค์ ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนน 27,551 คะแนน เป็นนัยยะที่น่าสนใจยิ่ง
น่าสนใจยิ่งว่า 11,745 คะแนนนั้น เพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร

เมื่อการเลือกตั้งซ่อม วันที่ 11 กันยายน 2566 มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง 56.52%
ขณะที่การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 77.87%
จริงอยู่ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หมอบัญญัติ ก็ได้คะแนนเพิ่มจาก 14,668 คะแนน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม มาเป็น 26,376 คะแนน ในวันที่ 11 กันยายน โดยเพิ่มมาถึง 11,708 คะแนน เป็น 11,708 คะแนนที่ใกล้เคียงกับ 11,745 คะแนนของผู้สมัครพรรคก้าวไกล
แต่ 11,708 คะแนนที่เพิ่มขึ้นของหมอบัญญัติ ไม่ได้ทำให้ผลการเลือกตั้งระหว่างประชาธิปัตย์และก้าวไกล ใกล้เคียงหรือสูสีกันแม้แต่น้อย
เพราะหมอบัญญัติยังคงแพ้นายพงศธร ผู้สมัครจากก้าวไกลเป็นหลักหมื่นอยู่ดี
โดยแพ้ถึง 12,290 คะแนน จากเดิมที่เคยแพ้ 12,883 คะแนน ลดระยะห่างลงได้เพียง 593 คะแนนเท่านั้น
ก่อนเลือกตั้ง สาธิต ปิตุเตชะ จากประชาธิปัตย์ คาดหวังว่าเมื่อเหลือการแข่งขันเพียง 2 พรรค คือ ก้าวไกลและประชาธิปัตย์ คะแนนจากผู้สมัครพรรคอื่น ทั้งพลังประชารัฐและเพื่อไทย ร่วม 3 หมื่นคะแนน น่าจะไหลมาที่ประชาธิปัตย์ และน่าจะไหลมาในปริมาณที่เพียงพอต่อชัยชนะ
แต่ที่สุด 11,708 คะแนนที่ไหลมาเพิ่มที่ประชาธิปัตย์ ซึ่งควรทำให้หมอบัญญัติชนะ กลับเจอกับ 11,745 คะแนนที่ไหลไปเพิ่มให้พงศธร ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล
เป็น 11,745 คะแนนที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงระยะเวลาที่ห่างกันเพียง 5 เดือนเท่านั้น
และเป็นชัยชนะที่ส่งสัญญาณไปยังเหล่าพรรคร่วมรัฐบาล ที่วันนี้ยังสาละวนกับการจัดทัพ เพื่อส่งคนไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ของแต่ละกระทรวง
เป็นชัยชนะที่ ไผ่ ลิกค์ นักการเมืองจอมเก๋า พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก้าวไกลจะชนะประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยอง
เป็นชัยชนะที่ ไผ่ ลิกค์ บอกว่า ให้รอดูการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ เพราะหากชัยชนะยังเป็นของก้าวไกลอีก การเลือกตั้งทั่วไปรอบหน้า คงไม่พักต้องพูดถึง
และนี่คือชัยชนะของการเมืองรูปแบบใหม่ การเมืองในรูปแบบก้าวไกล
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่แสดงพลังให้เห็นมาแล้วในการเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นอันดับ 1 ถึง 44 จังหวัด
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาเป็นอันดับ 2 อีก 33 จังหวัด และใน 33 จังหวัด มีเพียง 9 จังหวัดเท่านั้นที่แพ้ขาด ส่วนอีก 24 จังหวัด มีคะแนนตามพรรคที่ได้คะแนน อันดับ 1 มาแบบหายใจรดต้นคอ
อันหมายถึง ก้าวไกลได้สยายปีกสีส้ม ครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศแล้ว!
ตัดภาพกลับมาที่พรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เศรษฐา ทวีสิน พยายามเร่งลงพื้นที่ รับฟังปัญหาของชาวบ้านแต่ละภาค
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แสดงความเด็ดขาด ด้วยการปัดข้อเรียกร้องของคนในพรรคเดียวกันที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพิ่มเติมในการงานมหกรรมพืชสวนโลก
กลับถูกกลบด้วยภาพของความไม่ลงตัวในตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง ทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขารัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ที่วันนี้แต่ละพรรคมีบรรดานักวิ่ง วิ่งเข้า วิ่งออก เพื่อต่อรองตำแหน่งกันฝุ่นตลบ
ตัวอย่างฝุ่นที่กำลังตลบอบอวล ในกระทรวงกลาโหม ที่รายชื่อที่ปรึกษา เลขารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ทีมงานฝ่ายเสธฯ ประจำรัฐมนตรี ถูกปล่อยออกมาไม่เว้นแต่ละวัน อดีตนายทหาร นายทหารประจำการ พลเรือน ล้วนแต่มีรายชื่อออกมาเป็นระยะ
ล่าสุดหลุดเป็นหนังสือแต่งตั้งข้าราชการการเมืองประจำกระทรวงกลาโหม กระทั่งเป็นที่ฮือฮา เมื่อปรากฏชื่อ พ่อ/ลูก ตระกูลชินวัตร พายัพ และพอพงษ์ ชินวัตร อยู่ในคณะทำงานของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ขณะที่การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 77.87%
จริงอยู่ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หมอบัญญัติ ก็ได้คะแนนเพิ่มจาก 14,668 คะแนน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม มาเป็น 26,376 คะแนน ในวันที่ 11 กันยายน โดยเพิ่มมาถึง 11,708 คะแนน เป็น 11,708 คะแนนที่ใกล้เคียงกับ 11,745 คะแนนของผู้สมัครพรรคก้าวไกล
แต่ 11,708 คะแนนที่เพิ่มขึ้นของหมอบัญญัติ ไม่ได้ทำให้ผลการเลือกตั้งระหว่างประชาธิปัตย์และก้าวไกล ใกล้เคียงหรือสูสีกันแม้แต่น้อย
เพราะหมอบัญญัติยังคงแพ้นายพงศธร ผู้สมัครจากก้าวไกลเป็นหลักหมื่นอยู่ดี
โดยแพ้ถึง 12,290 คะแนน จากเดิมที่เคยแพ้ 12,883 คะแนน ลดระยะห่างลงได้เพียง 593 คะแนนเท่านั้น
ก่อนเลือกตั้ง สาธิต ปิตุเตชะ จากประชาธิปัตย์ คาดหวังว่าเมื่อเหลือการแข่งขันเพียง 2 พรรค คือ ก้าวไกลและประชาธิปัตย์ คะแนนจากผู้สมัครพรรคอื่น ทั้งพลังประชารัฐและเพื่อไทย ร่วม 3 หมื่นคะแนน น่าจะไหลมาที่ประชาธิปัตย์ และน่าจะไหลมาในปริมาณที่เพียงพอต่อชัยชนะ
แต่ที่สุด 11,708 คะแนนที่ไหลมาเพิ่มที่ประชาธิปัตย์ ซึ่งควรทำให้หมอบัญญัติชนะ กลับเจอกับ 11,745 คะแนนที่ไหลไปเพิ่มให้พงศธร ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล
เป็น 11,745 คะแนนที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงระยะเวลาที่ห่างกันเพียง 5 เดือนเท่านั้น
และเป็นชัยชนะที่ส่งสัญญาณไปยังเหล่าพรรคร่วมรัฐบาล ที่วันนี้ยังสาละวนกับการจัดทัพ เพื่อส่งคนไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ของแต่ละกระทรวง
เป็นชัยชนะที่ ไผ่ ลิกค์ นักการเมืองจอมเก๋า พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก้าวไกลจะชนะประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยอง
เป็นชัยชนะที่ ไผ่ ลิกค์ บอกว่า ให้รอดูการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ เพราะหากชัยชนะยังเป็นของก้าวไกลอีก การเลือกตั้งทั่วไปรอบหน้า คงไม่พักต้องพูดถึง
และนี่คือชัยชนะของการเมืองรูปแบบใหม่ การเมืองในรูปแบบก้าวไกล
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่แสดงพลังให้เห็นมาแล้วในการเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นอันดับ 1 ถึง 44 จังหวัด
การเมืองในรูปแบบก้าวไกล ที่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาเป็นอันดับ 2 อีก 33 จังหวัด และใน 33 จังหวัด มีเพียง 9 จังหวัดเท่านั้นที่แพ้ขาด ส่วนอีก 24 จังหวัด มีคะแนนตามพรรคที่ได้คะแนน อันดับ 1 มาแบบหายใจรดต้นคอ
อันหมายถึง ก้าวไกลได้สยายปีกสีส้ม ครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศแล้ว!
ตัดภาพกลับมาที่พรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เศรษฐา ทวีสิน พยายามเร่งลงพื้นที่ รับฟังปัญหาของชาวบ้านแต่ละภาค
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แสดงความเด็ดขาด ด้วยการปัดข้อเรียกร้องของคนในพรรคเดียวกันที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพิ่มเติมในการงานมหกรรมพืชสวนโลก
กลับถูกกลบด้วยภาพของความไม่ลงตัวในตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง ทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขารัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ที่วันนี้แต่ละพรรคมีบรรดานักวิ่ง วิ่งเข้า วิ่งออก เพื่อต่อรองตำแหน่งกันฝุ่นตลบ
ตัวอย่างฝุ่นที่กำลังตลบอบอวล ในกระทรวงกลาโหม ที่รายชื่อที่ปรึกษา เลขารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ทีมงานฝ่ายเสธฯ ประจำรัฐมนตรี ถูกปล่อยออกมาไม่เว้นแต่ละวัน อดีตนายทหาร นายทหารประจำการ พลเรือน ล้วนแต่มีรายชื่อออกมาเป็นระยะ
ล่าสุดหลุดเป็นหนังสือแต่งตั้งข้าราชการการเมืองประจำกระทรวงกลาโหม กระทั่งเป็นที่ฮือฮา เมื่อปรากฏชื่อ พ่อ/ลูก ตระกูลชินวัตร พายัพ และพอพงษ์ ชินวัตร อยู่ในคณะทำงานของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แม้จะเป็นหนังสือที่รัฐมนตรียังไม่ได้ลงนาม และสนามไชย 1 นายสุทิน ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะตามกฏหมาย ตัวนายสุทิน ยังไม่มีอำนาจลงนามในเอกสารใดๆ ของกระทรวง จนกว่าจะสิ้นสุดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
แต่หนังสือที่หลุดออกมาตามสื่อต่างๆ อันมีความเป็นเอกสารทางราชการที่น่าเชื่อถือ ก็ทำให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งเชื่อไปแล้ว
เชื่อว่า ตระกูลชินวัตร ยังคงเล่นการเมืองในรูปแบบเดิม ยังส่งคนในตระกูลชินวัตรลงมาประกบรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ
เชื่อว่า การเมืองรูปแบบเพื่อไทย ยังเป็นการเมืองที่รวมศูนย์อยู่ที่ตระกูลชินวัตรเป็นหลัก
และเชื่อว่า การเมืองรูปแบบกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล ยังเป็นการเมืองแบบต่างตอบแทน และยังเป็นการเมืองในรูปแบบเก้าอี้ดนตรี
ถ้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ยังยึดรูปแบบการทำงานการเมืองแบบเดิมๆ ยังยึดหลักการเมืองในรูปแบบนี้ อีกกี่ปีถึงจะตามการเมืองในรูปแบบก้าวไกลได้ทัน
แต่หนังสือที่หลุดออกมาตามสื่อต่างๆ อันมีความเป็นเอกสารทางราชการที่น่าเชื่อถือ ก็ทำให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งเชื่อไปแล้ว
เชื่อว่า ตระกูลชินวัตร ยังคงเล่นการเมืองในรูปแบบเดิม ยังส่งคนในตระกูลชินวัตรลงมาประกบรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ
เชื่อว่า การเมืองรูปแบบเพื่อไทย ยังเป็นการเมืองที่รวมศูนย์อยู่ที่ตระกูลชินวัตรเป็นหลัก
และเชื่อว่า การเมืองรูปแบบกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล ยังเป็นการเมืองแบบต่างตอบแทน และยังเป็นการเมืองในรูปแบบเก้าอี้ดนตรี
ถ้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ยังยึดรูปแบบการทำงานการเมืองแบบเดิมๆ ยังยึดหลักการเมืองในรูปแบบนี้ อีกกี่ปีถึงจะตามการเมืองในรูปแบบก้าวไกลได้ทัน

เพราะชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ชัยชนะในเชิง ‘ก้าวไกล ฟีเวอร์’ หรือชนะเพราะกระแส
แต่ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล เป็นไปในลักษณะของชัยชนะแบบ ‘เครือข่าย’
ชัยชนะที่มีเครือข่ายของแฟนคลับเติบโตเป็นเครือข่ายต่อเครือข่ายที่เชื่อมต่อกัน และนับวันจะยิ่งขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และมากขึ้น
หากพรรคการเมืองปีกของพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ตระหนัก และยังไม่ปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือแบบจริงจัง
การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น ทั้งการเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และการเลือกตั้งในระดับเทศบาลที่กำลังจะทยอยเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสองปีข้างหน้า จะเป็นบทพิสูจน์คำทำนายของ ไผ่ ลิกค์ อีกครั้งว่า ก้าวไกลในนามก้าวหน้า จะเดินหน้ากวาดที่นั่งในระดับท้องถิ่นได้อีกหรือไม่
ยุทธศาสตร์ที่แยกให้ ‘ก้าวไกล’ เดินการเมืองสนามใหญ่
‘ก้าวหน้า’ เดินการเมืองสนามเล็ก จะสร้างปรากฏการณ์ในสนามการเมืองไทยได้อีกหรือไม่
ไม่นานเกินรอ…จะได้เห็น
แต่ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล เป็นไปในลักษณะของชัยชนะแบบ ‘เครือข่าย’
ชัยชนะที่มีเครือข่ายของแฟนคลับเติบโตเป็นเครือข่ายต่อเครือข่ายที่เชื่อมต่อกัน และนับวันจะยิ่งขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และมากขึ้น
หากพรรคการเมืองปีกของพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ตระหนัก และยังไม่ปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือแบบจริงจัง
การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น ทั้งการเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และการเลือกตั้งในระดับเทศบาลที่กำลังจะทยอยเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสองปีข้างหน้า จะเป็นบทพิสูจน์คำทำนายของ ไผ่ ลิกค์ อีกครั้งว่า ก้าวไกลในนามก้าวหน้า จะเดินหน้ากวาดที่นั่งในระดับท้องถิ่นได้อีกหรือไม่
ยุทธศาสตร์ที่แยกให้ ‘ก้าวไกล’ เดินการเมืองสนามใหญ่
‘ก้าวหน้า’ เดินการเมืองสนามเล็ก จะสร้างปรากฏการณ์ในสนามการเมืองไทยได้อีกหรือไม่
ไม่นานเกินรอ…จะได้เห็น