‘ราชทัณฑ์’ แจงยิบ! ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ไม่เอื้อ ‘ทักษิณ’

12 ธันวาคม 2566 - 10:42

Corrections-explains-regulations-for-detention-outside-prisons-rejecting-Thaksin-favor-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘อธิบดีราชทัณฑ์’ แจงออกระเบียบ ‘คุมขังนอกเรือนจำ’ ไม่เกี่ยวเอื้อ ‘ทักษิณ’

  • ย้ำออกบังคับใช้เพื่อประชาชน ชี้เป็นคำสั่งของ ครม.ให้แต่ละกระทรวงเร่งรัดออกกฎหมายค้างเก่าให้แล้วเสร็จ

  • เผยออกช้ากว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ นานถึง 6 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนามประกาศระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 

โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังแต่ละประเภทและการอื่นตามมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 พร้อมส่งหนังสือแจ้งไปยัง ผบ.เรือนจำ ผอ.ทัณฑสถาน ผอ.สถานกักขัง และ ผอ.สถานกักกัน เพื่อให้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว และทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งดังกล่าวเกี่ยวโยงเพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร นั้น

ล่าสุด นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจง ว่า สำหรับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ตนขอเรียนย้อนไปว่าใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติชัดเจนในมาตรา 33 โดยให้มีการออกกฎกระทรวง และเมื่อกฎกระทรวงมีการประกาศใช้ มาตรา 34 จึงกำหนดให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการออกระเบียบมารองรับ ดังนั้น ในส่วนของกฎกระทรวงพบว่าได้มีการออกมาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ

1.เป็นการจำแนก แยก ควบคุม ผู้ต้องขัง หมายถึง เมื่อมีการจำแนกผู้ต้องขังแล้วพบว่าผู้ต้องขังรายใดสมควรที่จะอยู่ข้างนอกเรือนจำ ซึ่งอาจมีประโยชน์มากกว่าการอยู่ในเรือนจำ เราก็จำเป็นต้องนำตัวไปคุมขังภายนอกเรือนจำแทน

2.เป็นผู้ต้องขังที่ต้องพัฒนาพฤตินิสัย เนื่องจากการพัฒนาพฤตินิสัยจะรวมถึงอาชีพ การแก้ไขบำบัด ซึ่งวัตถุประสงค์นั้นมีความสำคัญ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็มีข้อจำกัดด้วยเรื่องทรัพยากร หรือขั้นตอนต่างๆ แต่ถ้ามีการนำตัวผู้ต้องขังไปพัฒนาพฤตินิสัยที่ข้างนอก อาจจะทำให้ผู้ต้องขังได้รับประโยชน์สูงสุด

3.นักโทษที่เจ็บป่วย การอยู่ในเรือนจำไม่มีประโยชน์ เพราะสภาพแวดล้อมในเรือนจำ หรือการดูแลต่างๆ จึงเล็งเห็นว่าหากได้รับการคุมขังดูแลภายนอกเรือนจำ หรือได้รับการดูแลจากครอบครัว อาจมีประโยชน์แก่ตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยมากกว่า

4.เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เนื่องจากผู้ต้องขังแต่ละรายอยู่ในเรือนจำมาด้วยระยะเวลานานพอสมควร การปรับตัวภายในสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องยาก ราชทัณฑ์จึงต้องมีการเตรียมผู้ต้องขังให้พร้อมสำหรับกลับคืนสู่สังคมและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ทั้งหมด 4 เหตุผลนี้จึงเป็นวัตถุประสงค์ที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎกระทรวง

ส่วนสาเหตุที่เพิ่งมีการลงนามประกาศระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.นั้น นายสหการณ์ ชี้แจงว่า ตนมองว่ามันช้าไปเสียด้วยซ้ำ เพราะ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ บังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 แต่ขณะนี้ระเบียบดังกล่าวที่ประกาศออกมา ถือว่าเกินกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และปัจจุบันมันมีกฎหมายที่เร่งรัดให้แต่ละหน่วยงานต้องดำเนินการออกกฎหมายที่ค้างดำเนินการ

อีกทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานกระทรวงทำการออกกฎหมายของตัวเองให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วที่สุด แต่ขยายเวลาไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี จึงหมายความว่า กว่าที่กฎหมายจะออกบังคับใช้ ได้มีการพิจารณากันอย่างชัดเจนแล้ว แต่ส่วนราชการมาดำเนินการล่าช้า จนทำให้ราชการเกิดความเสียหายและประชาชนเสียประโยชน์ ไม่ใช่ว่าจะลงนามประกาศคำสั่งเวลาใดตามใจ และตนยังยืนยันว่าการลงนามในครั้งนี้ ถือว่าล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ

สำหรับกรณีที่ภาคสังคมจับตาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการลงนามคำสั่งออกระเบียบบังคับใช้เพื่อเอื้อต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำหรือไม่นั้น นายสหการณ์ ระบุว่า อย่างที่ตนได้เรียนข้างต้น เพราะ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ออกบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวงออกบังคับใช้ปี พ.ศ. 2563 

“ดังนั้น การที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รับหน้าที่บริหารและปล่อยปละละเลยเรื่องกฎหมายที่ควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เราจึงต้องมองไปถึงการบริหารโทษในปัจจุบัน ว่า มีนักโทษหลายรายที่ผ่านการรับโทษจำคุกมาได้สักระยะเวลาหนึ่งแล้ว และทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพ การพัฒนาพฤตินิสัย การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และการคุมขังนอกเรือนจำ จึงมองว่าระเบียบที่ตนลงนามประกาศใช้จะเกิดประโยชน์มากกว่า นี่เป็นขั้นตอนวิธีการทางสากลที่ทำกัน ยอมรับว่าเราช้าไปเสียด้วยซ้ำ”

นายสหการณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การออกระเบียบดังกล่าวไม่ได้มองว่าใครได้ประโยชน์ หรือว่าการออกระเบียบไปแล้วใครที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณา เราก็ต้องมองไปตามกฎกระทรวงและระเบียบที่กำหนดไว้ แต่ที่สำคัญผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะต้องได้รับการคัดกรองตั้งแต่ขั้นตอนของเรือนจำ จนเข้าสู่ขั้นตอนของคณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง

“ทั้งนี้ กรณีของนายทักษิณ อย่างไรก็จะต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง เพราะการพิจารณาว่าจะเข้าเกณฑ์ได้รับประโยชน์คุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ จะต้องดูทั้งในเรื่องของระยะเวลาการรับโทษ พฤติกรรมระหว่างต้องโทษว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ประเมินความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำ และดูว่าสถานที่คุมขังนั้นๆ มีความพร้อมที่จะดูแลผู้ต้องขังหรือไม่ จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีจะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้หรือไม่ จนกว่าทางเรือนจำจะมีการคัดกรองเสนอขึ้นมายังกรมราชทัณฑ์ โดยเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้”

นายสหการณ์ ระบุอีกว่า สำหรับกระบวนการที่แต่ละเรือนจำทั่วประเทศ จะเริ่มพิจารณาว่าผู้ต้องขังรายใดเข้าเกณฑ์ได้รับประโยชน์ที่จะไปคุมขังนอกสถานที่คุมขังนั้น คาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนธันวาคม ตามที่มีผลบังคับใช้ทันที 

โดยหลังจากนี้กรมราชทัณฑ์จะมีการแจ้งรายละเอียดและแนวทางปฏิบัติไปยังแต่ละเรือนจำทั่วประเทศ ซึ่งในระดับเรือนจำจะมีคณะทำงานของเรือนจำนั้นๆ และตนยืนยันว่าระเบียบดังกล่าวไม่ได้หมายว่ากรมราชทัณฑ์ปล่อยผู้ต้องขัง เพราะผู้ต้องขังจะคงอยู่ในการควบคุมดูแลของราชทัณฑ์ แต่เพียงเปลี่ยนสถานที่ในการคุมขังเท่านั้น

นายสหการณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเราสามารถระบายจำนวนผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการควบคุมได้บ้าง แน่นอนว่าเราจะได้โฟกัสไปที่ผู้ต้องขังที่มีความเสี่ยงสูง หรือผู้ต้องขังในคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงเป็นหลักได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะปัจจุบันผู้ต้องขังที่เหลือโทษจำคุกเล็กน้อยและไม่มีความเสี่ยง ทั้งยังสูงวัยหรือมีอาการเจ็บป่วย บางครั้งเราเองก็ต้องดูแลผู้ต้องขังเหล่านี้ด้วย เรียกว่าทำให้ที่ผ่านมา เราไม่มีกำลังในการดูแลผู้ต้องขังที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ได้มากเพียงพอ การออกระเบียบนี้ ตนจึงมั่นใจว่าจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกรมราชทัณฑ์สูงขึ้น และขณะเดียวกันก็จะได้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนด้วย

ทั้งนี้ ภายในช่วงสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเริ่มมีการแจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อให้ปฏิบัติตามระเบียบ โดยยึดตามแนวทางที่กรมราชทัณฑ์จะเรียนแจ้งไปเพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติ และตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม เป็นต้นไป แต่ละเรือนจำจะเริ่มการพิจารณาผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ และรวบรวมรายชื่อเสนอต่อกรมราชทัณฑ์ต่อไป แต่เราคงไม่ไปตีกรอบเร่งรัดเรือนจำ เพราะต้องให้เวลาในการคัดกรองอย่างถี่ถ้วน เพราะถึงแม้ว่าในตอนนั้นผู้ต้องขังจะได้รับการคุมขังนอกเรือนจำ แต่เราก็ยังจะต้องคำนึงถึงความรอบคอบในการคุมขังด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์