“ กรมราชทัณฑ์ ปิดโอกาสที่จะเคลียร์ความบริสุทธ์ต่อสาธารณชน ”
เป็นความเห็นของ ‘กฤษฎางค์ นุตจรัส’ ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ตอบคำถามสื่อ หลังเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เพื่อขอไฟล์ภาพกล้องช่วงเวลาที่ ‘บุ้ง เนติพร’ เสียชีวิต ในช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ค. 67 หลัง ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่าพร้อมให้ไฟล์ภาพวันเกิดเหตุ
แต่หลังจากได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานฯ วันนี้ (24 พ.ค.) ‘ทนายกฤษฎางค์’ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธคำขอ โดยให้เหตุผล 3 ข้อ
- เกรงว่าจะกระทบกับเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงาน ที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ
- เกรงว่าจะกระทบกับความมั่นคง เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นเรือนจำ
- เกรงว่าจะสร้างความเสียหายแก่ผู้เสียชีวิต เนื่องจากเป็นภาพขณะช่วยชีวิต
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังกังวลว่าเมื่อให้ภาพกับทนายไปแล้วจะนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน พร้อมแนะนำว่าหากยืนยันว่าต้องการได้ภาพส่วนนี้ ให้ไปยื่นอุทธรณ์ต่อ คกก.ข้อมูลข่าวสารราชการ และศาลปกครอง
แต่ ‘ทนายกฤษฎางค์’ มองว่าเหตุผลที่อ้างมาฟังไม่ขึ้น เพราะสามารถใช้เทคนิคเบลอหน้าบุคคลอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ และก่อนหน้านี้ราชทัณฑ์ก็เคยพาสื่อเข้าไปดูความเป็นอยู่ภายใน รพ.ราชทัณฑ์ เเม้จะไม่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกมา แต่ถือเป็นการเปิดพื้นที่เข้าไปในส่วนที่เป็นความมั่นคงแล้ว อีกทั้งทางครอบครัวและทนายยืนยันว่าจะใช้ภาพที่รับได้เท่านั้น เพราะการชันสูตรพลิกศพ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แพทย์ก็เชิญให้ครอบครัวและทนายเข้าไปดูได้
‘ทนายกฤษฎางค์’ ย้ำว่า การขอดูภาพกล้องวงจรปิดในช่วงเวลาเกิดเหตุ ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเอาผิดใคร เพียงแค่ต้องการนำมาประกอบการพิจารณาว่าสอดคล้องกับข้อมูลการรักษาที่ได้มาก่อนหน้านี้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เมื่อราชทัณฑ์ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลส่วนนี้และปิดโอกาสที่จะคลายข้อสงสัยของสังคม การให้ข้อมูลกับสื่อและสังคมต่อจากนี้ก็จะเป็นการพูดเท่าที่มีข้อมูลเท่านั้น โดยจะแถลงข่าวต่อสื่ออีกครั้งเร็วๆ นี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่มีอำนาจกำลังปิดบังอะไรอยู่
ซึ่งข้อมูลที่มีตอนนี้ มีข้อแคลงใจหลายประเด็น เช่น ใส่ท่อหายใจเข้าไปในหลอดอาหาร การสแกนสมองทำจริงหรือไม่และทำเพราะอะไร มีการปั๊มหัวใจบุ้งตลอดเวลาจริงหรือไม่ เพราะผลการชันสูตรของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ พบว่า ตอนที่บุ้งมาถึงไม่มีสัญญาณชีพแล้ว จึงสงสัยว่าบุ้งเสียชีวิตบนรถกู้ชีพหรือเสียชีวิตที่ รพ.ราชทัณฑ์ และหากเสียชีวิตที่ รพ.ราชทัณฑ์ ต้องไปเเจ้งความและเริ่มกระบวนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพที่ศาลอาญา
สำหรับการเข้าพบเจ้าหน้าที่วันนี้ ‘ทนายกฤษฎางค์’ ยอมรับไม่ได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพราะมีจุดประสงค์ที่ต้องการขอไฟล์ภาพมาให้ผู้เชียวชาญวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิต แต่ทราบว่าทางราชทัณฑ์ได้ทำหนังสื่อไปยังพ่อแม่ของบุ้งว่าสามารถมาดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ แต่ไม่ทราบว่าหากมีทนายหรือผู้เชี่ยวชาญไปดูด้วยจะได้รับอนุญาตหรือไม่ และเท่าที่ทราบแม่ของบุ้งยังทำใจกับการสูญเสียไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าจะเข้าไปดูภาพเมื่อไหร่
ส่วนการที่ ‘นายกรัฐมนตรี’ และ ‘รมว.ยุติธรรม’ พร้อมทำให้เรื่องมีความโปร่งใส่มากที่สุด ‘ทนายกฤษฎางค์’ บอกว่า “ไม่เชื่อตั้งแต่พูดแล้ว” เพียงแค่หวังว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเอง ยอมอ้างว่าก่อนหน้านี้ทราบว่า ‘มีผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้ภาพกล้องวงจรปิด’
ช่วงท้าย ‘ทนายกฤษฎางค์’ ยังฝากไปถึง ‘รมว.ยุติธรรม’ ว่า การที่หน่วยงานในสังกัดของท่าน ปฏิเสธให้ข้อมูล อาจหมายถึงท่านปิดบบังข้อมูลด้วยเช่นกัน อีกทั้งท่านเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง อาจถูกมองได้ว่าเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ทำตามที่พูด ย้ำว่าผลที่จะตามมาต่อจากนี้ นายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ต้องเป็นคนรับผิดชอบ
