‘สารวัตรซัว’ พ่นพิษ! กรมการปกครอง แจ้งความ ‘มูลนิธิเป็นต่อ’ จัดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต

13 ก.พ. 2566 - 06:11

  • ‘กรมการปกครอง’ แจ้งความดำเนินคดี ‘เจ้าของมูลนิธิเป็นต่อ’ หลังพบไม่มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ

department_of_provincial_administration_sua_of_pentor_group_foundation_SPACEBAR_Thumbnail_2e07a57c3f.jpeg
หลัง ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ออกมาแฉพฤติกรรมของ ‘พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล’ หรือ ‘สารวัตรซัว’ สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัด กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง มีส่วนพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ และมีความเชื่อมโยงกับ ‘มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด’  

ล่าสุด ปลัดกระทรวงมหาดไทย ‘สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ’ มอบหมายให้ นิติกรกรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อเอาผิด ‘เจ้าของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด’ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย หลังพบว่าไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ 

ด้าน ‘รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์’ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และมีการกล่าวถึง ‘มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด’ กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานข้อมูล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว และจากการลงพื้นที่สืบสวน พบผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในเครือเป็นต่อกรุ๊ปยอมรับว่า มูลนิธิ เป็นต่อกรุ๊ป ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท 

ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งมูลนิธิภายในรามอินทราซอย 5 แยก 15 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ก็พบว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานบริษัทอื่นที่อยู่ในอาคารเดียวกัน อีกทั้งยังได้ตรวจสอบไปยังผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งจริง 

การดำเนินกิจกรรมต่างๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย วันนี้กรมการปกครองจึงได้มอบหมายให้ตนเอง และพนักงานฝ่ายปกครอง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับ มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด ใน 3 ความผิดฐาน คือ 

1.ผิด พ.ร.บ.กำหนด ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ใช้คำว่ามูลนิธิประกอบกับชื่อในดวงตาและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดย ที่มิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ 

2.พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17 

3.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 

ส่วจะมีความผิดอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ กรมการปกครอง ได้ประสานงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามแล้ว ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ กรมการปกครองได้สั่งการไปให้ ทุกอำเภอตรวจสอบมูลนิธิต่างๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา และกลุ่มทุนจีนสีเทา ว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมูลนิธิที่มีการก่อตั้งแล้วไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการใดๆ ด้วย 

สำหรับกรณีนี้ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กหัวข้อ มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว โดยระบุว่า ‘มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป’ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินธุรกิจสีเทา และไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นที่มาให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์