การประชุม ‘พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ที่อาคารพรรคไทยสร้างไทยวันนี้ (7 ก.พ.) เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำของแต่ละพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง โดยพรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค, พรรคประชาชน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านฯ, พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และพรรคเป็นธรรม โดย กัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรค
สำหรับการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เข้าร่วมด้วย โดยการจัดโต๊ะแถลงข่าว ปรากฎชื่อพรรคเสรีรวมไทยร่วมแถลงข่าว แม้ยังไม่ได้เข้าร่วมอยู่ในพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ยื่นหนังสือ พร้อมเอกสารหลักฐานให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านนำไปประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคดีชั้น 14 เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เข้าพักรักษาตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ไม่มีป้ายชื่อของ ‘พรรคไทยก้าวหน้า’ ที่มี ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ‘ปูอัด’ สส.กทม. ซึ่งเป็นสส.เพียงคนเดียวที่กำลังมีประเด็นเรื่องคดีข่มขืนอยู่ในขณะนี้
ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้หญิง และในฐานะการเมือง เราต้องการผู้แทนที่มีคุณธรรมจริยธรรม และต้องมีสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งกรณีของ ‘สส.ปูอัด’ ไม่ใช่ครั้งแรก ยิ่งครั้งนี้ ตำรวจขอศาลอนุมัติออกหมายจับ และเป็นการกระทำต่อนักท่องเที่ยว เสียหายทั้งเรื่องการทำร้ายลูกผู้หญิงและเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศด้วย ดังนั้นสส.ไม่ควรมีพฤติกรรมแบบนี้ ยิ่งก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ถ้า ‘ปูอัด’ เห็นว่า ตัวเองมาจากประชาชน ควรมีสำนึกและรู้สึกว่า เราได้ทำผิดต่อประชาชนที่เขาเลือกเรามา จึงอยากเรียกร้องความรับผิดชอบด้วยการลาออกโดยไม่ต้องรอกระบวนการยุติธรรม และไปต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์ในฐานะคนธรรมดา ไม่ต้องใช้เอกสิทธิ์สส.คุ้มครอง ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็ไม่ควรใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเสร็จสิ้น ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกัน โดย ‘ณัฐพงษ์’ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า มีความชัดเจนเรื่องกรอบระยะเวลาการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะยื่นภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ และมอบหมายให้ประธานวิปฝ่ายค้านหารือกับรัฐบาล เพื่อขอกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรวม 5 วัน ซึ่งคาดหวังว่า รัฐบาลจะไม่ปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุลจากฝ่ายค้าน
‘ณัฐพงษ์’ ยังย้ำว่า ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เท่านั้น แต่เป็นการบริหารราชการแผ่นดินต่อเนื่องของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคฝ่ายค้านหารือหลายประเด็นร่วมกัน พบว่า รัฐบาลชุดนี้ บริหารราชการแผ่นดินขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมหลายเรื่อง และมีประเด็นส่อเค้าผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนรายละเอียดยังเปิดเผยมากไม่ได้ ส่วนจะอภิปรายจะพุ่งเป้าไปที่ ‘ทักษิณ’ หรือไม่ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ขอให้รอติดตาม ยืนยันว่า ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คนใดคนหนึ่ง ใช้หลักตามข้อเท็จจริง โดยเป้าหมายสูงสุดคือการตีแผ่ให้ประชาชนเห็นถึงการขาดความชอบธรรม และการขาดเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน นับรวมพรรคเสรีรวมไทยหรือไม่ และในส่วนของพรรคไทยก้าวหน้า เป็นอย่างไร ‘ณัฐพงษ์’ กล่าวว่า พรรคไทยก้าวหน้าไม่ได้มาร่วมประชุม ส่วนเรื่องคดีตามหน้าข่าว เป็นเรื่องตัวบุคคล แต่หากเรื่องเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร คาดหวังว่า ผู้แทนราษฎรไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ในการคุ้มครองการกระทำที่ไม่ถูกต้อง สำหรับทิศทางการโหวตของฝ่ายค้านนั้น เป็นเรื่องของเอกสิทธิ์แต่ละพรรค แต่พรรคประชาชนเห็นว่า ไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส. ครั้งนี้เป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืน เรื่องนี้ เราไม่ควรปกป้องในส่วนนั้น แต่ผลการโหวตในสภาฯ ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค แต่พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง
ส่วนพรรคประชาชน ซึ่งเคยเป็นสังกัดเก่าของ ‘ไชยามพวาน’ ได้หารือกันในเรื่องนี้หรือไม่นั้น ‘ณัฐพงษ์’ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยกันและในการประชุมที่ไม่ได้เข้าร่วมวันนี้ ‘ไชยามพวาน’ ก็ได้แจ้งตั้งแต่ล่วงหน้า ตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ที่แล้วว่าไม่สามารถมาเข้าร่วมการประชุมได้ ซึ่งในวันนี้ ‘ไชยามพวาน’ ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกัน สำหรับการที่เจ้าตัวอ้างว่า เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง ก็เป็นสิทธิ์ที่เจ้าตัวสามารถชี้แจงได้ ส่วนความเห็นของพรรคประชาชน คงต้องรอเรื่องที่ตำรวจส่งมายังสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ติดตาม
